แชร์

Wood Pallet: เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด ลดโลกร้อน : พลังงานแห่งอนาคต

อัพเดทล่าสุด: 10 พ.ย. 2025
41 ผู้เข้าชม

Wood Pellets หรือ ชีวมวลอัดแท่ง เป็นนวัตกรรมเชื้อเพลิงชีวมวล ในรูปเชื้อเพลิงแข็ง (Solid-Fuels) ผลิตจากไม้เนื้อแข็ง จากสวนป่าปลูกของเกษตรกร (Farmed-Trees) ภายใต้แนวทางการจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับมาตรฐานจากองค์การจัดการด้านป่าไม้ในระดับนานาชาติ ซึ่งให้ค่าพลังงานความร้อนสูงเพื่อเป็นเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ที่สะอาด ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล (Fossil-Energy) ซึ่งลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อน (Global Warming) ตอบสนองการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ของภาคอุตสาหกรรม และการดำรงชีวิตของมวลมนุษย์

จากที่ทราบกันเป็นอย่างดี ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแห่งการเกษตรลำดับต้นๆ ของโลกประโยชน์ของการนำของเสียทางเกษตรจำนวนมากมาต่อยอดจึงได้มาถึงแล้ว โดยเราสามารถนำของเสียเหล่านี้ มาทำเป็น ชีวมวลอัดแท่ง (Biomass wood pellet) เพื่อผลิตพลังงานใช้ในอุตสาหกรรมได้โดยไม่ให้เสียทรัพยากรไปโดยสูญเปล่า และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ทั้งนี้ ชีวมวลอัดแท่ง เหมาะแก่เป็นพลังงานหมุนเวียนในธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นตัวช่วยรับมือกับภาษีคาร์บอนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ชีวมวลอัดแท่ง (Biomass Wood pellet) คืออะไร ?
ชีวมวลอัดแท่ง มีกระบวนการผลิตอย่างไร ?
ชีวมวลอัดแท่ง แปรรูปเป็นพลังงานได้อย่างไร ?
ข้อดีของ ชีวมวลอัดแท่ง ในบริบทไทย
ชีวมวลอัดแท่ง (Biomass Wood pellet) คืออะไร ?

ชีวมวลอัดแท่ง คือ แท่งพลังงานเชื้อเพลิงแข็ง (Solid-Fuels) ที่ได้จากอินทรีย์สาร หรือก็คือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กาก มูลสัตว์และของเสียจากโรงงาน เช่น ขี้เลื่อย แกลบ ฟาง กากอ้อย กะลาปาร์ม กะลามะพร้าว เศษไม้ เศษหญ้า มูลโคและสุกรเปลือกสับปะรด น้ำเสียจากโรงงาน เป็นต้น โดยให้ค่าพลังงานความร้อนสูง สามารถนำมาใช้ในการแปรรูปเป็นพลังที่ใช้ในอุตสาหกรรม และกิจกรรมต่างๆ ได้ และที่สำคัญชีวมวลอัดแท่งนี้ยังเป็นพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
โดยเราสามารถนำ ชีวมวลอัดแท่ง มาแปรรูปเป็นพลังงานได้หลากหลาย
ชีวมวลอัดแท่ง มีกระบวนการผลิตอย่างไร ?

1. กระบวนการย่อย (Crushing process)
เป็นการนำวัสดุทางการเกษตร เช่น ปีกไม้ เศษไม้ เปลือกไม้ ฟางข้าว ที่มีขนาดไม่เหมาะแก่สำหรับการผลิตมาย่อยให้มีขนาดที่เหมาะสมผ่านเครื่องจักรย่อยบด ก่อนที่จะนำไปผลิต
2. กระบวนการลดความชื้น (drying process)
เป็นการนำวัสดุทางการเกษตรมาลดความชื้นให้ถึงในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้วัสดุเหมาะกับกระบวนการอัด (pelleting process)
3. กระบวนการผสม (mixing process)
เป็นการนำวัสดุทางการเกษตรตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป มาผสมกัน
4. กระบวนการอัด (pelleting process)
เป็นการขึ้นรูปวัสดุให้เป็นแท่งให้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 6-10 มม. ยาว 3-6 ซม. หรือตามความต้องการ โดยจะใช้เครื่องจักรในการขึ้นรูป
5. กระบวนการระบายความร้อน (cooling process)
จะเป็นการนำเชื้อเพลิงชีวมวลที่ขึ้นรูปเป็นแท่งแล้ว มาระบายความร้อน เพื่อให้เย็นตัวลง ซึ่งจะทำให้ชีวมวลมีความแข็งคงทนเป็นแท่ง โดยในกระบวนการนี้เป็นอันเสร็จสิ้น
ชีวมวลอัดแท่ง แปรรูปเป็นพลังงานได้อย่างไร ?

ชีวมวลอัดแท่ง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งในภาคอุตสาหกรรมโรงงาน และการคมนาคม เป็นต้น ทั้งนี้ชีวมวลอัดแท่งสามารถแปรรูปเป็นพลังงานได้ 4 รูปแบบ
1. เผาไหม้โดยตรง (Combustion)
สามารถทำการแปรรูปโดยนำความร้อนจากการเผาไหม้ชีวมวล ซึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตไอน้ำที่มีอุณหภูมิและความดันสูง จากนั้นไอน้ำจะถูกส่งไปขับกังหันไอน้ำ เพื่อผลิตไฟฟ้า
2. หมัก (Fermentation)
เป็นการนำวัตถุดิบมาหมักในที่อับอากาศ ซึ่งจะแปรรูปวัตถุดิบชีวภาพให้เป็นแก๊ซมีเทน และเป็นเชื้อเพลิงในเวลาต่อมา โดยสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานได้
3. ผลิตก๊าซ (Gasification)
ทำการเผาแบบอัดก๊าซจนได้ก๊าซสังเคราะห์ (Syngas) สามารถนำไปใช้กับเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas engine) ได้
4. ผลิตเชื้อเพลิงเหลวจากพืช
ทำการย่อยสลายพืชทางการเกษตร ในรูปแบบเอทานอล เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์เบนซิน
ข้อดีของ ชีวมวลอัดแท่ง ในบริบทไทย


ในประเทศไทย ชีวมวลอัดแท่ง ได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมโรงงานไทยในช่วงระยะหลังมานี้ เนื่องจากชีวมวลอัดแท่งสามารถเผาไหม้ได้นาน ซึ่งก็เท่ากับพลังงานที่มาก เหมาะกับการใช้ในรูปของพลังงานความร้อน เพื่อผลิตไอน้ำ หรือใช้เป็นเชื้อเพลิง เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากระบบหม้อต้มไอน้ำ ซึ่งมีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงพาณิชย์ชนิดอื่นๆ และสามารถใช้แทนน้ำมันดีเซลในกระบวนการผลิตด้วยความร้อนด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่ามาก อีกทั้งยังช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่า เพราะเชื้อเพลิงชีวมวลทำจากทรัพยากรเหลือใช้ทางการเกษตรที่สามารถทดแทนได้ ซึ่งในประเทศไทยก็มีอยู่อย่างเหลือเฟือ
นอกจากนี้ ด้วยความที่ ชีวมวลอัดแท่ง เป็นพลังงานหมุนเวียน จึงถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยรับมือกับมาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรหมแดน (CBAM) สำหรับธุรกิจไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป เพราะต้องบอกเลยว่าต่อไปในอนาคตมาตรการภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) จะเกิดขึ้นทั่วโลก เพราะฉะนั้นพลังงานหมุนเวียนสำคัญมาก


อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการใช้ ชีวมวลอัดแท่ง ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างในโรงงานแปรรูปเกษตรและเคมีภัณฑ์เป็นหลักซึ่งยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เนื่องจากภาคการผลิตไทย ยังไม่มีเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศที่ยังคงมีต้นทุนที่สูงอยู่


แต่มีการคาดการณ์ว่าอนาคต ชีวมวลอัดแท่ง ในประเทศไทย จะเติบโตมากขึ้นตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ซึ่งมีเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลรวม 4,694 เมกะวัตต์ ภายในปี 2580 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า


SOOK TRADING  จำหน่าย ชีวมวลอัดแท่ง (Biomass Wood Pellet) ที่มีส่วนผสมของยางพาราและไม้เนื้อแข็ง ให้พลังงานสูง เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลเกรดพรีเมียม ให้ค่าความร้อนสุทธิขั้นต่ำ 4,300 กิโลแคลอรี่ / กิโลกรัม โดยมีปริมาณเถ้าที่ต่ำ และความชื้น (Moisture Content) 

เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) ผลิตได้จากการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ขี้เลื่อย แกลบ ซังข้าวโพด เหง้ามันสำปะหลัง กะลาปาล์ม เปลือกไม้ เศษไม้หรือขี้เลื่อยจากโรงงานแปรรูปไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ มาย่อย ลดความชื้น และนำมาอัดเป็นเม็ดหรือแท่ง ได้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลที่มีความชื้นต่ำ มีค่าความร้อนสูง สะดวกต่อการขนส่ง และสามารถเก็บสต็อกวัตถุดิบได้นาน เหมาะสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตความร้อนในภาคอุตสาหกรรมหรือโรงไฟฟ้า ในต่างประเทศมีความต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดค่อนข้างสูง จากกระแสสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน

ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่กำลังทยอยเปิดเพิ่มขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ญี่ปุ่นต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด เพิ่มจาก 1.2 ล้านตันในปี 2562 มาเป็น 5 ล้านตันในปี 2565 และ 10 ล้านตันในปี 2570 และไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทางด้านวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะจากการโค่นต้นยางปีละมากกว่า 4 แสนไร่ ซึ่งนอกจากจะได้เนื้อไม้แปรรูปเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้แปรรูปแล้ว ผลพลอยได้ประเภทเศษไม้ เศษขี้เลื่อย ยังสามารถป้อนเป็นวัตถุดิบผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดได้ถึงประมาณ 12 ล้านตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าเชิงเศรษฐกิจกว่า 40,000 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะเป็นเครื่องชี้ถึงความสำเร็จของโอกาสที่ไทยจะสามารถเพิ่มบทบาทการส่งออกเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดไปยังญี่ปุ่นคือ การสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำเข้า ทั้งด้านปริมาณและความต่อเนื่องของวัตถุดิบที่มีความยั่งยืนตลอดช่วงอายุสัญญาซื้อขาย เนื่องจากการสั่งซื้อจากญี่ปุ่นส่วนมากเป็นการทำสัญญาระยะยาว 10-20 ปี ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการของไทย อาจใช้โอกาสจากความพร้อมในด้านต่างๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์จาก White Pellet มาเป็น Black Pellet ที่มีค่าความร้อนสูงกว่า พร้อมทั้งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ได้อีกด้วย

Wood Pallet เชื้อเพลิงธรรมชาติ แหล่งพลังงานหมุนเวียนในอนาคต


บทความที่เกี่ยวข้อง
โซลาร์เซลล์ ทางเลือกใหม่ของผู้ใช้ไฟ
โซลาร์เซลล์เป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยประหยัดค่าไฟระยะยาว เป็นพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ ผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดค่าใช้จ่าย มีหลายระบบให้เลือก (On-grid, Off-grid, Hybrid) ติดตั้งง่าย ใช้ได้ทุกที่ แต่มีค่าลงทุนเริ่มต้นสูง แต่คุ้มค่าในระยะยาว พร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Perovskite ที่กำลังพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้หลากหลายขึ้น ทั้งติดตั้งบนหลังคาอาคาร, หน้าต่าง หรือแม้กระทั่งใช้กับยานยนต์ไฟฟ้า. ข้อดีหลัก ประหยัดค่าไฟ: ลดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 70% และคืนทุนใน 3-5 ปี. พลังงานสะอาด: เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างมลพิษ. พลังงานหมุนเวียน: ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ไม่จำกัด. ใช้ได้ทุกที่: ติดตั้งได้ทั้งบ้าน อาคาร หรือพื้นที่ห่างไกล. ระบบโซลาร์เซลล์ยอดนิยม On-Grid: ต่อตรงกับไฟบ้าน ได้รับความนิยมมาก คืนทุนเร็ว เหมาะกับผู้ใช้ไฟทั่วไป. Off-Grid: ใช้กับแบตเตอรี่ เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า แต่ค่าใช้จ่ายสูงกว่า. Hybrid: ผสมผสาน On-Grid และ Off-Grid ใช้ได้ทุกสถานการณ์ แต่ลงทุนสูง. นวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจ Perovskite Solar Cells: เทคโนโลยีใหม่ น้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสูง ประสิทธิภาพสูง เหมาะกับงานหลากหลาย เช่น ฉีดพ่นบนอาคาร, หน้าต่าง. พลังงานจากเม็ดฝน (TENG): เทคโนโลยีที่ผสมผสานเพื่อผลิตไฟฟ้าจากเม็ดฝนตกกระทบแผง ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้แม้ในวันฝนตก. สิ่งที่ต้องพิจารณา ขนาดแผง: คำนวณให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะใช้. ผู้ผลิต: เลือกผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันยาวนาน. การบำรุงรักษา: ทำความสะอาดแผงเป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด. โซลาร์เซลล์จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมได้ดีเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม.
12 ธ.ค. 2025
เกร็ดความรู้ การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคอุตสาหกรรม  By SO OK
เกร็ดความรู้ เชื้อเพลิงชีวภาพ ในภาคอุตสาหกรรม การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคอุตสาหกรรมช่วยลดต้นทุนและมลภาวะ โดยนำวัตถุดิบทางการเกษตร (เช่น ฟางข้าว ซังข้าวโพด) ของเสียจากโรงงาน (เช่น น้ำเสีย) และพืชพลังงาน (เช่น สาหร่าย) มาผลิตเป็นพลังงานชีวมวล (เม็ดเชื้อเพลิง) ก๊าซชีวภาพ (Biogas) ไบโอดีเซล และเอทานอล เพื่อใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลในหม้อไอน้ำ โรงไฟฟ้า และยานยนต์ ซึ่งสนับสนุนเศรษฐกิจ BCG ลดการพึ่งพาพลังงานภายนอก และสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน. ประโยชน์หลัก: ลดต้นทุนและพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล: แทนที่ถ่านหิน น้ำมันเตา ด้วยพลังงานหมุนเวียน. ลดมลพิษ: ลดฝุ่น PM 2.5 กลิ่น และก๊าซเรือนกระจก. เพิ่มมูลค่าเกษตรกรรม: สร้างรายได้จากผลผลิตทางการเกษตรเหลือใช้ (Zero Burn). สร้างความมั่นคงทางพลังงาน: เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศ. รูปแบบการใช้งานในอุตสาหกรรม: เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass Fuel): นำฟางข้าว ซังข้าวโพด กากอ้อย มาอัดเป็นเม็ด (Energy Pellet) ใช้เป็นเชื้อเพลิงในหม้อเผาของโรงงาน (เช่น โรงงานปูนซีเมนต์). ก๊าซชีวภาพ (Biogas): เกิดจากการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย หรือของเสียจากโรงงานและฟาร์มสัตว์ นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าหรือทดแทนแก๊ส LPG ได้. ไบโอดีเซล (Biodiesel) และเอทานอล (Ethanol): ผลิตจากพืชน้ำมัน (ปาล์ม) และพืชหัว (มันสำปะหลัง อ้อย) ใช้ผสมในน้ำมันดีเซลและเบนซิน (แก๊สโซฮอล์). พลังงานจากสาหร่าย (Algae Biofuel): สาหร่ายเติบโตเร็ว ดูดซับคาร์บอนได้ดี นำมาผลิตเป็นไบโอดีเซลและเชื้อเพลิงอื่นๆ. ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ใช้: อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์/ก่อสร้าง: ใช้ชีวมวล (ฟางข้าว) แทนถ่านหิน. อุตสาหกรรมอาหาร: ใช้ก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียเป็นพลังงาน. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และวัสดุชีวภาพ (Bio-based Industry): ใช้พืชผลทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสารเคมี, PLA (Polylactic Acid). การพัฒนาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพเป็นส่วนสำคัญของโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ของไทย เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ. การพัฒนาเพื่อการ เชื้อเพลิงชีวภาพ มีหลากหลายประเภท ทั้งไม้สับ ไม้อัดแท่ง ไม้อัดแท่งสีดำ กะลาปาล์ม กะลามะพร้าว และเศษวัสดุทางการเกษตร ช่วยลดมลพิษ สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน.
7 ธ.ค. 2025
SOLAR FARM: ECO ENERGY FROM THE SUNSHINE (FUTURE ENERGY)
"โซลาร์ฟาร์มภาคประชาชน" ในไทยหมายถึงโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง และขายส่วนเกินเข้าระบบ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดและลดค่าไฟ โครงการเหล่านี้ดำเนินการโดย กกพ. และหน่วยงานไฟฟ้า (กฟน., กฟภ.) และอาจมีการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินในราคาพิเศษ เช่น 2.20 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี สำหรับผู้ที่สมัครและผ่านเกณฑ์ โครงการและการสนับสนุน โครงการโซลาร์เซลล์ภาคประชาชน: เป็นโครงการของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ส่งเสริมการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน เป้าหมาย: เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคประชาชน หน่วยงานรับผิดชอบ: การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เป็นผู้ดำเนินการรับสมัครและเชื่อมต่อระบบ การรับซื้อไฟฟ้า: ในปี 2565 มีนโยบายรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปในราคา 2.20 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ MEA (กรุงเทพฯ, นนทบุรี, สมุทรปราการ) การสนับสนุนอื่นๆ: รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินสนับสนุนการติดตั้ง เงื่อนไขและการสมัคร การยื่นคำขอ: ผู้สนใจต้องยื่นคำขอผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อระบบ: ต้องขออนุญาตเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐานของ MEA/PEA เพื่อความปลอดภัย รูปแบบการติดตั้ง: มี 2 แบบ คือติดตั้งเพื่อใช้เองภายในบ้าน และติดตั้งเพื่อขายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับทางการไฟฟ้า ตัวอย่างโครงการ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย: เป็นโครงการที่ PEA ดำเนินการรับสมัคร โครงการ Solar ภาคประชาชน ปี 2565: MEA เปิดรับสมัครสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
1 ธ.ค. 2025
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy