แชร์

เกร็ดความรู้ข้าวไทย BY SO OK

อัพเดทล่าสุด: 9 ธ.ค. 2025
94 ผู้เข้าชม
เกร็ดความรู้ข้าวไทย By SO OK 

ข้าวไทยมีหลากหลายสายพันธุ์และคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นธัญพืชไร้กลูเตน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี และมีความสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม (พิธีพืชมงคล) และเป็นแหล่งอาหารหลัก โดยมีทั้งข้าวหอมมะลิคุณภาพดี, ข้าวเหนียวดำ (สารต้านอนุมูลอิสระ), ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพ และข้าวพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ข้าวเหลืองปะทิว, ข้าวลืมผัว. 
 
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับข้าวไทย:
ประวัติศาสตร์เก่าแก่: พบหลักฐานการปลูกข้าวในไทยย้อนไปกว่า 5,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเก่าแก่กว่าในอินเดียและจีน.
ศูนย์กลางข้าวโลก: ไทยเป็นแหล่งผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ และเป็นศูนย์กลางการวิจัยพันธุ์ข้าว.
หลากหลายสายพันธุ์: มีทั้งข้าวหอมมะลิ, ข้าวเหนียว, ข้าวขาว, และข้าวเพื่อสุขภาพ (ข้าวกล้อง, ข้าวไรซ์เบอร์รี่).
ข้าวเพื่อสุขภาพ: ข้าวกล้องและข้าวสีต่างๆ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเรื่องระบบเลือด ชะลอวัย.
ข้าวพื้นเมือง: มีพันธุ์พื้นเมืองที่น่าสนใจ เช่น ข้าวเหนียวดำ (ข้าวก่ำ) มีสรรพคุณทางยา, ข้าวลืมผัวของชาวม้ง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว, และข้าวเหลืองปะทิว ที่ปลูกในดินเปรี้ยวได้.
ไร้กลูเตน (Gluten-Free): ข้าวไทยไม่มีกลูเตน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน.
การปลูกแบบฤดูกาล: แบ่งเป็นข้าวนาปี (ฤดูฝน) และข้าวนาปรัง (ฤดูแล้ง).
ความเชื่อและวัฒนธรรม: มีความผูกพันกับพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ. 
 
คุณค่าทางโภชนาการ (ตัวอย่าง):
ข้าวกล้องก่องสีดำ (มุกดาหาร): วิตามินอีสูง.
ข้าวเหนียวดำหอม (พัทลุง): ธาตุสังกะสีสูง.
ข้าวเกาเหลียง (พัทลุง), ข้าวม้ามุม (มุกดาหาร), ข้าวมะลิเลื้อย (สระแก้ว): มีธาตุทองแดงสูง

------------

10 สายพันธ์ยอดนิยมข้าวไทย

ข้าวพันธุ์พื้นเมือง 10 สายพันธุ์ หุงขึ้นหม้อมีความหอม
ข้าวคือพืชสำคัญลำดับต้นๆ ของไทย ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การเกษตร และความมั่นคงทางอาหาร ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวเหนียว กข 6 ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หรือข้าวเสาไห้ ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่คุ้นเคยกันดีในท้องตลาด แต่เบื้องหลังความมั่งคั่งของอุตสาหกรรมข้าวไทย ยังมี ข้าวพื้นเมือง อีกหลากหลายสายพันธุ์ที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ข้าวเหล่านี้มักไม่ได้ปลูกเพื่อเชิงพาณิชย์ หากเป็นพันธุ์ดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาภายในชุมชน อาศัยภูมิปัญญาการปลูกที่สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ ทั้งในพื้นที่นาน้ำและไร่บนพื้นที่สูง

เพื่อต่อยอดและสืบสานคุณค่าข้าวไทยพันธุ์พื้นเมือง พร้อมสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อความยั่งยืนที่มุ่งผลักดันข้าวพันธุ์พื้นเมืองให้กลับมาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งกลุ่มพันธุ์คุณค่าสูงและพันธุ์หายากที่ใกล้สูญหาย โดยมุ่งให้ชุมชนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความเข้าใจใหม่ถึงความหลากหลายและความสำคัญของข้าวไทยในหลายมิติ  โดยในปี 2568 ได้คัดเลือกและรวบรวมข้าวพื้นเมือง 10 สายพันธุ์ จาก 7 จังหวัด 8 ชุมชนทั่วประเทศ

สำหรับข้าวพื้นเมือง 10 สายพันธุ์ ประกอบด้วย 1.ข้าวหอมมะลิ 2.ข้าวผกาอำปึล จากวิสาหกิจชุมชนเกษตรทฤษฎีใหม่ จ.สุรินทร์ 3.ข้าวหอมมะลิแดง จากวิสาหกิจชุมชนธนาคารพืชผักบ้านสำโรง จ.สุรินทร์  4..ข้าวฮางหอมมะลิ 5.ข้าวฮางข้าวเหนียว จากวิสาหกิจชุมชนบ้านฮางทิพย์ จ.สกลนคร 6.ข้าวสังข์หยด จากวิสาหกิจชุมชนท่าช้างฟื้นฟูเศรษฐกิจ จ.พัทลุง 7.ข้าวเบายอดม่วง จากเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผลิตและแปรรูปข้าวตรัง จ.ตรัง 8.ข้าวไร่ดอกข่า จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวไร่ดอกข่าตำบลตากแดด จ.พังงา 9.ข้าวกล้องดอยพื้นเมือง (บือซอมี) จากวิสาหกิจชุมชนเกษตรแปรรูปภูแจ่มใสและผ้าทอมือบ้านแม่ลานคำ จ.เชียงใหม่  10.ข้าวหอมปทุมธานี 1 จากศูนย์บริการวิชาการเกษตรของมูลนิธิชัยพัฒนาอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี


เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป็นต้นน้ำสำคัญของสังคมไทย การพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากรากฐานที่เข้มแข็ง ด้วยเหตุนี้จึงเปิดพื้นที่ให้คนไทยได้รู้จักข้าวไทยพันธุ์พื้นเมืองทั้ง 10 สายพันธุ์ ที่มีทั้งเรื่องราว รสชาติ และอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น สะท้อนภูมิปัญญาและวิถีการปลูกของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ข้าวไทยถูกมองไกลกว่าวัตถุดิบในจานอาหาร แต่คือมรดกทางวัฒนธรรมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อร่วมกันสนับสนุน คุณค่าของข้าวไทยจะไม่เพียงถูกรักษาไว้ แต่จะกลายเป็นโอกาสใหม่ ช่วยสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนผู้ปลูก  เชื่อมั่นว่าข้าวไทยมีศักยภาพ ความหลากหลาย และความงดงามไม่แพ้อาหารชาติใดในโลก
 
ข้าวไร่ดอกข่าเป็นข้าวพื้นเมืองเฉพาะถิ่นของพังงา ไม่เคยมีการปลูกในพื้นที่อื่น และไม่ได้วางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านบางครัวเรือนปลูกไว้บริโภคเองตามวิถีดั้งเดิม โดยยังใช้วิธี น่ำไร่ ซึ่งเป็นการปลูกข้าวแบบพื้นบ้านที่ใช้กระบอกไม้ไผ่กระทุ้งดินให้เป็นหลุมก่อนหยอดเมล็ดพันธุ์ลงไป ช่วงหนึ่ง ข้าวไร่ดอกข่าเริ่มถูกปลูกน้อยลง เนื่องจากชาวบ้านหันไปทำพืชไร่เศรษฐกิจหรือทำนาแทน จนกระทั่งราวปี 25522553 ข้าวสายพันธุ์นี้เริ่มกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง เมื่อมีการนำมาปลูกในโรงเรียนปลูกเพียง 23 ไร่  และใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์ ส่งผลให้ข้าวไร่ดอกข่าได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางมากขึ้น ปัจจุบันกลุ่มผู้ปลูกข้าวไร่ดอกข่ารวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน 22 ราย สมาชิกส่วนใหญ่ทำสวนยางและสวนปาล์ม จึงใช้พื้นที่สวนยางที่โค่นแล้วปลูกแซมข้าวไร่ รวมพื้นที่ราว 300 ไร่ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 250350 กก./ไร่ และอาจสูงกว่านั้นหากดูแลดี อดีตราคาขายอยู่ที่ 4550 บาท/กก. แต่ปัจจุบันปรับสูงขึ้นตามคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ และมาตรฐานการสีข้าวที่กำหนดให้ขัดเพียง 1% เพื่อคงคุณค่าทางอาหาร เช่น โอเมก้า สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินบี จุดเด่นของข้าวไร่ดอกข่าคือกลิ่นหอมคล้ายใบเตย และมีหลายโทนสีตามระดับการขัด ได้แก่ แดง ชมพูเข้ม และชมพูอ่อน โดยกลุ่มรักสุขภาพนิยมสีแดงที่สุดเพราะมีคุณค่าสูง เมื่อหุงจะหอมนุ่ม แม้เมล็ดดิบจะดูแข็ง แต่เมื่อนึ่งหรือหุงแล้วนุ่มอร่อย ข้าวไร่ดอกข่าแตกต่างจากข้าวสังข์หยด ของพัทลุง เพราะปลูกบนพื้นที่สูงแบบไร่ ไม่ใช่นา ไม่มีการไถหรือคันนา ส่งผลให้ปลูกยากและให้ผลผลิตต่ำ จึงไม่เป็นที่นิยม ข้าวไร่ปลูกได้ปีละครั้งช่วงกรกฎาคมสิงหาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม ทำให้มีปริมาณจำกัดและมีมูลค่าสูง ปัจจุบันข้าวไร่ดอกข่าได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว 


ข้าวกล้องดอยพื้นเมือง (บือซอมี)  บ้านแม่ลานคำ ตั้งอยู่ในต.สะเมิง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลราว 1,500 เมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวปกาเกอะญอที่ยังคงปลูกข้าวไว้บริโภคเองบนพื้นที่สูง ไม่ได้ปลูกเพื่อจำหน่าย โดยข้าวพื้นเมืองมีหลายสายพันธุ์แต่บางสายพันธุ์เริ่มเสี่ยงสูญหายเพราะคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยสืบต่อการปลูก ปัจจุบันยังมี 26 ครัวเรือนร่วมกันปลูกและอนุรักษ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการหลวงในการควบคุมไม่ให้ข้าวกลายพันธุ์ ใช้วิธีปลูกแบบไร่และแบบขันบันได พร้อมหมุนเวียนปลูกปีละ 12 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่นิยมปลูกคือบือโปะโละ และบือซอมี โดยสายพันธุ์ที่นำมาจำหน่ายคือบือซอมี หรือภาษาไทยเรียกว่า ข้าวไก่ป่า เพราะมีลักษณะเมล็ดเรียวยาวคล้ายข้าวหอมมะลิ เนื้อนุ่มและมีกลิ่นหอม แตกต่างจากบือโปะโละที่เมล็ดป้อมคล้ายข้าวญี่ปุ่น ข้าวกล้องบือซอมีมีใยอาหารสูง อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินบี6 บำรุงระบบประสาท ปลูกแบบขันบันไดให้ผลผลิตเฉลี่ยครัวเรือนละประมาณ 10 กระสอบต่อสายพันธุ์ (กระสอบละราว 100 กก.) ทั้งนี้ หากเก็บรักษาไม่ดี ข้าวจะเสียหายง่าย จึงทำให้การรักษาสายพันธุ์ยังคงเป็นความท้าทายของชุมชน

-------

เกร็ดความรู้ข้าวส่งออกไทย: 

ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก เน้นข้าวขาว, ข้าวหอมมะลิ, ข้าวนึ่ง และข้าวกล้อง โดยข้าวหอมมะลิไทย (Thai Hom Mali Rice) เป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่เผชิญการแข่งขันสูงจากเวียดนามและอินเดีย, ขณะที่ข้าวขาวไทยมีอมิโลสสูง (ข้าวแข็ง) ซึ่งไม่ตอบโจทย์ตลาดข้าวนุ่มที่นิยมมากขึ้น, ปัจจุบันไทยกำลังปรับตัวพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ และต้องแก้ปัญหาด้านราคาและแรงจูงใจชาวนา เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด. 
 
ชนิดข้าวที่สำคัญและจุดเด่น
ข้าวหอมมะลิ (Thai Hom Mali Rice): เป็นชื่อเรียกทางการค้า ไม่ใช่ชื่อพันธุ์เดียว (ต้องใช้ กข15 + ขาวดอกมะลิ 105).
ข้าวขาว (White Rice): เป็นข้าวที่ส่งออกมากที่สุด (ประมาณ 39.1% ของตลาดโลก).
ข้าวพื้นนุ่ม (Soft Rice): ข้าวที่มีอมิโลสต่ำ (ไม่เกิน 20%) เป็นที่นิยมในตลาดจีน แต่ไทยเสียเปรียบเวียดนามที่พัฒนาพันธุ์ได้ดี. 
 
สถานการณ์และความท้าทาย
การแข่งขันสูง: อินเดียกลับมาทำตลาด ทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาด และข้าวไทยราคาสูงกว่าคู่แข่ง.
สต็อกข้าว: บางประเทศมีสต็อกสูง ทำให้ความต้องการนำเข้าลดลง.
การปรับตัวสู่ตลาดข้าวนุ่ม: ไทยต้องพัฒนาพันธุ์ข้าวขาวอมิโลสต่ำ (นุ่ม) และจูงใจชาวนาปลูก เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากเวียดนามและกัมพูชา. 
 
เกร็ดน่าสนใจ
"ข้าวหอมมะลิ" ในต่างประเทศอาจใช้ชื่อว่า "Jasmine Rice" ซึ่งไม่ใช่คำที่ตรงตัวเป๊ะ.
ข้าวไทยมีจุดเด่นด้านคุณภาพ แต่ต้องแข่งกับราคาและเทรนด์ความชอบข้าว (แข็ง vs. นุ่ม) ของแต่ละตลาด. 

------

บทสรุปข้าวส่งออกไทย

เกร็ดความรู้ข้าวส่งออกไทย: ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก เน้นข้าวขาว, ข้าวหอมมะลิ, ข้าวนึ่ง และข้าวกล้อง โดยข้าวหอมมะลิไทย (Thai Hom Mali Rice) เป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่เผชิญการแข่งขันสูงจากเวียดนามและอินเดีย, ขณะที่ข้าวขาวไทยมีอมิโลสสูง (ข้าวแข็ง) ซึ่งไม่ตอบโจทย์ตลาดข้าวนุ่มที่นิยมมากขึ้น, ปัจจุบันไทยกำลังปรับตัวพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ และต้องแก้ปัญหาด้านราคาและแรงจูงใจชาวนา เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด. 
 
ชนิดข้าวที่สำคัญและจุดเด่น
ข้าวหอมมะลิ (Thai Hom Mali Rice): เป็นชื่อเรียกทางการค้า ไม่ใช่ชื่อพันธุ์เดียว (ต้องใช้ กข15 + ขาวดอกมะลิ 105).
ข้าวขาว (White Rice): เป็นข้าวที่ส่งออกมากที่สุด (ประมาณ 39.1% ของตลาดโลก).
ข้าวพื้นนุ่ม (Soft Rice): ข้าวที่มีอมิโลสต่ำ (ไม่เกิน 20%) เป็นที่นิยมในตลาดจีน แต่ไทยเสียเปรียบเวียดนามที่พัฒนาพันธุ์ได้ดี. 
 
สถานการณ์และความท้าทาย
การแข่งขันสูง: อินเดียกลับมาทำตลาด ทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาด และข้าวไทยราคาสูงกว่าคู่แข่ง.
สต็อกข้าว: บางประเทศมีสต็อกสูง ทำให้ความต้องการนำเข้าลดลง.
การปรับตัวสู่ตลาดข้าวนุ่ม: ไทยต้องพัฒนาพันธุ์ข้าวขาวอมิโลสต่ำ (นุ่ม) และจูงใจชาวนาปลูก เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากเวียดนามและกัมพูชา. 
 
เกร็ดน่าสนใจ
"ข้าวหอมมะลิ" ในต่างประเทศอาจใช้ชื่อว่า "Jasmine Rice" ซึ่งไม่ใช่คำที่ตรงตัวเป๊ะ.
ข้าวไทยมีจุดเด่นด้านคุณภาพ แต่ต้องแข่งกับราคาและเทรนด์ความชอบข้าว (แข็ง vs. นุ่ม) ของแต่ละตลาด. 

------

หากท่านมี ลูกค้าต่างประเทศ SO OK TRADING สามารถเป็น ARM LENGTH ในการหาสินค้าข้าวคุณภาพดี จากแหลางที่เชื้อถือได้ มาร่วมกันพัฒนาการา่งออกข้าวไทย และโปรโมตข้าวไทยอันเป็น อัตลักษณ์ของชาติไปด้วยกันนะครับ

-------

สรุปสถานการณ์ข้าวไทยในปี 2568 - 2570

และมีสัญญาณเตือนถึงภาวะถดถอยในระยะยาว  


The main problems of the Thai rice economy in 2025-2026
Price Drops: 
Thai rice prices in 2025 contracted by about 10.9% due to high yield pressures. and a significant increase in India's rice exports.  
Export Drop: 
Thailand's rice exports in 2025 contracted by 41.6% and the volume decreased by 22.2% due to the export volume of competitors.  
High Production Cost: 
Thai farmers have higher production costs than competitors such as Vietnam and India. As a result, the selling price of paddy rice is not cost-effective.  
Fierce Competition: 
Vietnam is overtaking Thailand in rice exports. And Thailand is at a disadvantage to Vietnam in the low-emission market.  
Reduced profitability: 
Rice industry operators such as mills and exporters are facing challenges from declining revenues and profits.  
Farmer Debt Burden: 
The debt burden of farming households tends to increase.  
Solutions to Recovery
Transition from high-volume exports to value creation: 
It should change from being "Mass Exporter" to become a "Value Exporter" by focusing on GI rice, organic rice, or low emission rice products.  
Expand new markets: 
Aim to penetrate new markets that do not yet have major players, such as the Middle East and Africa.  
Develop a new group of rice varieties: 
Develop rice varieties to have high yields and meet the needs of the global market.  
Research and Development Support: 
The government should support R&D to increase long-term competitiveness.  
Improved Cost: 
Find ways to reduce production costs, such as supporting tools and technology.  
 --------------


สถานการณ์ข้าวไทยปี 2568 เผชิญความท้าทายหนักจากราคาตกต่ำ, การแข่งขันสูงจากอินเดีย (ระบายสต็อก), ผลผลิตโลกเพิ่ม, เงินบาทแข็งค่า, ความต้องการในตลาดโลกลดลง ทำให้การส่งออกและราคาในประเทศหดตัว โดยเฉพาะข้าวขาว แต่ข้าวหอมมะลิยังเป็นตัวช่วย แต่ภาพรวมต้องปรับสู่ข้าวคุณภาพ (GI, อินทรีย์) และเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันระยะยาว. 
ปัจจัยกดดันหลัก
การแข่งขันจากอินเดีย: อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวและระบายสต็อกจำนวนมาก ทำให้ราคาข้าวโลกและข้าวไทยถูกกดดันอย่างหนัก.
ผลผลิตโลกเพิ่ม: สภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้หลายประเทศมีผลผลิตสูง และผู้ซื้อรายใหญ่อย่างฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ชะลอการนำเข้า.
เงินบาทแข็งค่า: ส่งผลให้ต้นทุนการแข่งขันสูงขึ้น และรายได้ชาวนาลดลง แม้ราคาส่งออกจะเท่าเดิม.
ราคาข้าวขาวตกต่ำ: ราคาข้าวขาวส่งออกไทยต่ำสุดในรอบ 15 ปี กระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศ.>>!ต้นทุนการผลิตสูง: ไทยมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าคู่แข่ง (เวียดนาม) ในขณะที่ผลผลิตต่อพื้นที่ยังต่ำกว่า. ผลกระทบต่อการส่งออก: มีแนวโน้มหดตัวต่ำสุดในรอบหลายปี.
!ราคาในประเทศ: ราคาข้าวเปลือกโดยรวมได้รับผลกระทบจากราคาตลาดโลกที่ตกต่ำ.
ชาวนา: รายได้ลดลงจากราคาข้าวตกต่ำและต้นทุนสูง. 
โอกาสและแนวทางแก้ไข
เน้นข้าวคุณภาพ: สร้างตลาดข้าว GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) และข้าวอินทรีย์ (Value Exporter / Mass Exporter -> Value Exporter / Low Emission Rice).
พัฒนาเทคโนโลยี: นำ Smart Farming และ Precision Agriculture มาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน.
เจาะตลาดใหม่: มองหาตลาดในตะวันออกกลางและแอฟริกา.
สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน: พัฒนาแหล่งน้ำ (เช่น โครงการโขง-เลย-ชีมูล) เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต. 
สรุปคือ ปี 2568 เป็นปีที่ข้าวไทยต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยราคาและคู่แข่ง แต่ยังคงมีโอกาสหากปรับกลยุทธ์ไปสู่การเพิ่มมูลค่าและเทคโนโลยี

บทความที่เกี่ยวข้อง
ข้าวไทย ของขวัญจากเกษตรกรไทย ส่งไกลยังตลาดโลก ข้าวไทยความพิเศษจากธรรมชาติ และ รสชาติดี (ข้าวประณีต)
ข้าวไทยมีความหลากหลายสูง เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ มีหลายประเภท เช่น ข้าวหอมมะลิ (หอม นุ่ม) ข้าวเหนียว (เหนียวหนึบ) ข้าวขาว (หุงง่าย) และข้าวเพื่อสุขภาพ (สีนิล, ไรซ์เบอร์รี่, สังข์หยด, ข้าวกล้อง) ซึ่งแต่ละพันธุ์มีคุณค่าทางโภชนาการ กลิ่น รส และสัมผัสแตกต่างกันไป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าวไทยผูกพันกับวัฒนธรรมประเพณีและเป็นมรดกทางอาหารของชาติ. ประเภทหลักของข้าวไทย ข้าวหอมมะลิ: มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย นุ่ม (เช่น หอมมะลิ 105, หอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้). ข้าวเหนียว: สำหรับทำขนมและอาหารเหนียว (เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู, กข 6). ข้าวขาว: ข้าวเจ้าทั่วไปที่นิยมบริโภค (เช่น ข้าวเสาไห้, เจ๊กเชย). ข้าวเพื่อสุขภาพ/ข้าวไม่ขัดสี: มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่, ข้าวสังข์หยด, ข้าวสินเหล็ก, ข้าวหอมนิล, ข้าวกล้อง). ตัวอย่างสายพันธุ์ข้าวไทยยอดนิยม ข้าวหอมมะลิ 105: เมล็ดเรียวยาว หอม นุ่ม. ข้าวไรซ์เบอร์รี่: เมล็ดสีม่วงเข้ม คุณค่าสูง. ข้าวสังข์หยดพัทลุง: ข้าวกล้องสีแดง มีประโยชน์สูง. ข้าวเหนียวลืมผัว: ข้าวเหนียวดำ มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย. ข้าวสินเหล็ก: มีธาตุเหล็กสูง ลดการอักเสบ. ข้าวเสาไห้: ข้าวเจ้าที่หุงขึ้นหม้อ นุ่ม.
17 ธ.ค. 2025
เกร็ดความรู้ ผลไม้ไทย By So Ok
ผลไม้ไทยส่งออกหลักๆ คือ ทุเรียน, ลำไย, มังคุด, มะม่วง, และมะพร้าว โดยมี ประเทศจีน เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ที่สำคัญที่สุดสำหรับผลไม้สดหลายชนิด เช่น ทุเรียน มังคุด และมะพร้าว รองลงมาคือ ฮ่องกง เวียดนาม อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ โดยไทยเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาดสูง และมีการขยายตลาดไปยังตะวันออกกลางและยุโรปมากขึ้น. ผลไม้ดาวเด่นและตลาดหลัก ทุเรียน: "ราชาแห่งผลไม้" ครองตลาดจีน (97.4%) และเป็นสินค้าส่งออกหลัก. ลำไย: นิยมในจีน (73.1%), อินโดนีเซีย, เวียดนาม. มังคุด: เป็นที่ต้องการสูงในจีน (91.0%), เวียดนาม, เกาหลีใต้. มะพร้าวอ่อน: ตลาดหลักคือจีน (82.7%), สหรัฐฯ, ฮ่องกง. มะม่วง: ตลาดสำคัญคือเกาหลีใต้ (61.8%), มาเลเซีย, ญี่ปุ่น. ตลาดและโอกาสการส่งออก ตลาดเอเชีย: จีน (ตลาดใหญ่ที่สุด), ฮ่องกง, เวียดนาม, อินโดนีเซีย เป็นตลาดหลักที่สำคัญ. ตลาดใหม่: มีการขยายไปสหรัฐฯ, ตะวันออกกลาง (เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และยุโรป. ความต้องการ: ผลไม้สดแช่เย็น/แข็ง (โดยเฉพาะทุเรียนที่แกะเนื้อ) และผลไม้อบแห้ง เช่น ทุเรียนอบกรอบ มะม่วงอบแห้ง ได้รับความนิยม. แนวโน้มและการแข่งขัน ไทยยังคงเป็นผู้ส่งออกผลไม้สำคัญ แต่ต้องเผชิญการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดจีนจากคู่แข่งรายใหม่ (เวียดนาม, ฟิลิปปินส์). ·“ประเทศเวียดนาม และจีน เป็นประเทศคู่ค้า. ผลไม้ที่สาคัญของไทย จึงมีผู้ส่งออกผลไม้. รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”. “ทุเรียน มังคุด มะพร้าว และมะม่วง จะส่งออก. ได้สูงในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน ·สำหรับส้มโอและชมพู่ก็อาจจะมีโอกาสเติบโต ในตลาดจีนเช่นกัน เนื่องจากส้มโอไทยมีคุณภาพสูง และชมพู่ก็เริ่มขยายตลาดในจีนมากขึ้น ทำให้ชาวจีนรู้จักชมพู่ไทยมากขึ้นกว่าเดิม
13 ธ.ค. 2025
กาแฟลาว จากที่ราบสูง โบลาเวน กาแฟลาวรสชาติเอกลักษณ์ส่งออกยังตลาดยุโรป
กาแฟลาวหมายถึงกาแฟที่ปลูกในประเทศลาว โดยเฉพาะจาก ที่ราบสูงโบลาเวน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกที่มีชื่อเสียงและปลูกกาแฟคุณภาพสูง กาแฟลาวมีจุดเด่นที่รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีทั้งสายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า โดยอาราบิก้ามีคุณภาพสูงกว่าและนิยมนำมาทำกาแฟรสชาติละมุน ลักษณะเด่นของกาแฟลาว แหล่งปลูก: ส่วนใหญ่ปลูกบนที่ราบสูงโบลาเวน ซึ่งเป็นพื้นที่ดินภูเขาไฟเก่าแก่ที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ สายพันธุ์: มีทั้งสายพันธุ์อาราบิก้า (Arabica) และโรบัสต้า (Robusta) รสชาติ: อาราบิก้า: มีรสชาติเข้มข้น นุ่มนวล มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ โรบัสต้า: ใช้ทำกาแฟทั่วไปที่เติมนมข้นหวาน ารแปรรูป: นิยมใช้วิธี Washed Process รสสัมผัสและกลิ่น: มักมีกลิ่นหอมฟุ้ง และมีรสชาติที่หลากหลาย เช่น โกโก้, ช็อกโกแลต, ถั่ว, และคาราเมล กาแฟลาวในตลาด กาแฟดริปและชง: กาแฟลาวเป็นที่นิยมทั้งการนำมาทำกาแฟร้อนและกาแฟเย็น กาแฟสกัดเย็น (Cold Brew): มีการนำไปผลิตเป็นกาแฟสกัดเย็นเพื่อจำหน่าย การคั่ว: สามารถเลือกระดับการคั่วได้หลากหลายตามความชอบ
5 ธ.ค. 2025
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy