แชร์

กาแฟ เครื่องดื่ม ยอดนิยม แหล่งพลังงานของคนทำงาน เกร็ดความรู้ กาแฟไทย กาแฟโลก

อัพเดทล่าสุด: 2 ธ.ค. 2025
139 ผู้เข้าชม

ลักษณะ รสชาติของกาแฟใน แต่ละ ทวีป / ประเทศ

เมล็ดกาแฟในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างไร มีรสชาติตรงกับความชอบของเราหรือไม่ ในที่นี้เราได้รวบรวมรสชาติโดยทั่วไปของกาแฟในแต่ละประเทศมาให้ทราบกัน เพื่อที่จะสามารถเลือกดื่มได้ตามต้องการ

เมล็ดกาแฟในทวีปแอฟริกา
เอธิโอเปีย
กาแฟมีรสผลไม้โดยชัดเจน เช่น บลูเบอรี่ หรือ สตอเบอรี่. มีกลิ่นของดอกไม้ เช่น มะกรูด กุหลาบ มะลิ ซึ่งสามารถพบได้บ่อยๆ เมื่อนำมาชงในถ้วย กาแฟจากเอธิโอเปียจะมีเอซิด ที่สูง มีความหวาน (Syrub mountfeel) และมีรสชาติของ Wine และเมื่อนำมาทำเป็นกาแฟดริป จะมีความคล้ายกับน้ำชา กาแฟเอธิโอเปีย ถูกพิจารณาว่าเป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลก

เคนย่า
กาแฟเคนย่ามีความเป็นรสชาติของเบอรี่ ตะไคร้ มะกรูด กาแฟดำ และ มะเขือเทศ
เป็นกาแฟดีที่สุดที่มีรสชาติที่สดไส และมีรสชาติที่ซับซ้อนในถ้วยกาแฟ After taste จะมีรสชาติของ มะนาว และองุ่น ถ้านำมาทำเป็นกาแฟดริป จะมีรสชาติกลมของมะเขือเทศและกลิ่นลูกเกดดำ กาแฟเคนย่าถือว่าเป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง

รวันดา
จะให้กลิ่นของดอกไม้ เช่น ดอกส้ม และกลิ่นมะนาว ส่วนใหญ่รสชาติจะเป็นนำตาลคาราเมล After taste ก็จะเป็นคาราเมล รสชาติของผลไม้ เช่น แตงโม

แทนซาเนีย
กาแฟแทนซาเนีย ให้รสชาติที่สดไส และรสไวน์ มีความหวานของผลไม้เบอรี่

#ทวีปอเมริกากลาง
ปานามา
เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงทางด้านกาแฟเกอิชา กาแฟมีกลิ่นมะลิ ด้วยรสชาติของน้ำผึ้ง กรดผลไม้และมะกรูด และบ่อยๆที่มีครีมนมช็อคโกแลต ของกาแฟที่ชงในถ้วย มี Body ปานกลาง และมี เอซิด ปานกลาง

คอสตาริกา
กาแฟมีกลิ่นของบราวชูก้า รสชาติเป็นผลไม้แอพพริคอท, บราวชูก้า, และ ผลไม้ในเขตร้อน After taste จะเป็นรสชาติของ Dark ช็อคโกแลต โดยรวมจะมีรสชาติของ เอซิด ที่สดใส

กัวเตมาลา
กาแฟรสชาติของช็อคโกแลต/โกโก้ จะมีรสชาติของทอฟฟี่ ถั่ว และผลไม้ในเขตร้อนด้วย รส เอซิด จะคล้ายแอปเปิ้ลเขียว แต่มีความสดใส บางครั้งจะมีกลิ่นดอกไม้ มี Body เต็ม

เอลซัลวาดอร์
กาแฟแสดงกลิ่นและรสชาติของผลไม้สีแดงและพลัม มี เอซิด สูง มี Body ปานกลาง-มาก กาแฟมีชื่อเสียงด้านรสชาติที่สมดุลแต่ดูเหมือนจะขาดความเข้มของกลิ่นและรสชาติ

นิคารากัว
กาแฟมีเอซิดปานกลาง และบอดี้ปานกลาง รสชาติหวานคาราเมล, ช็อคโกแลต, กรดผลไม้ สามารถพบกลิ่นของ วานิลลาและถั่วได้บ่อยๆ มีความหอมและรสชาติที่หลากหลาย แต่มีความสมดุลย์

เม็กซิโก
มีคุณสมบัติที่ดีมากที่จะถูกนำไปใช้ในการเบลน มีรสชาติของช็อคโกแลตและถั่ว มีบอดี้ และเอซิดที่อ่อน สามารถพบรสไวน์ขาวแห้งอีกด้วย

ทวีปเอมริกาใต้
โคลอมเบีย
เป็นกาแฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตัวหนึ่ง มีรสชาติมากมายเมื่อถูกนำมาชง มีบอดี้ปานกลาง และมีกลิ่นช็อคโกแลตและโกโก้ มีรสผลไม้ หวานเหมือนผลไม้เขตร้อน และมีรสถั่ว มีเอซิดที่สดใส

บราซิล
มีรสหวาน และ รสถั่ว มีความหวานฝาดของช็อคโกแลต มีเอซิดต่ำ กาแฟบราซิลใช้เพื่อจุดประสงค์ในการเบลนบ่อยๆ

เปรู
มีกลิ่นสมุนไพร และหวานผลไม้ มีรสชาติ ของพลัม หวานผลไม้ เช่น ส้ม และสมุนไพร มีเอซิดอ่อนถึงปานกลาง

#ทวีปเอเชีย
= อินโดนีเซีย
กาแฟมีรส earthy และมีกลิ่นของควันและเครื่องเทศ มีบอดี้เต็ม รสชาติหลากหลาย ประเทศไทยและประเทศในอาเซียนมีรสชาติคล้ายกัน

 -----

เมล็ดกาแฟมีกี่ชนิด ? อราบิก้า Arabica กับ โรบัสต้า Robusta ต่างกันอย่างไร

คอกาแฟคงคุ้นหูกับคำว่า กาแฟอราบิก้า (Arabica) และ กาแฟโรบัสต้า (Robusta) ซึ่งทั้ง 2 ชื่อนี้ก็คือสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ ที่คนส่วนใหญ่ในโลกนิยมทานนั่น ซึ่งบอกเลยว่าทั้งสองสายพันธุ์นี้ก็มีความต่างกันอยู่มากพอสมควร ทั้งในเรื่องของการปลูก ลักษณะเมล็ดกาแฟ กลิ่นและรสชาติ รวมไปถึงรสสัมผัสที่ได้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว สายพันธุ์ของกาแฟมีอีกมากมายหลายชนิด แต่ที่พอจะคุ้นหูจะมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์หลักๆ ค่ะ เอาล่ะทีนี้ก็ตามเรามาดูกันดีกว่าว่าเมล็ดกาแฟทั้งสองขนิด มีความแตกต่างกันอย่างไร

 สายพันธุ์กาแฟ ชนิดของเมล็ดกาแฟ
 
กาแฟอราบิก้า (Arabica)
กาแฟโรบัสต้า (Robusta)
กาแฟลิเบอริก้า (Liberica)
กาแฟเอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa)
 
     ในส่วนของกาแฟเอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa) และลิเบอริก้า (Liberica) ด้วยความที่รสชาติไม่ดีเท่าที่ควรจึงไม่นิยมปลูก และม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ซึ่งสายพันธุ์กาแฟที่รสชาติดี และคนนิยมปลูกเพื่อการค้าก็จะมีแค่ 2 พันธุ์ คืออราบิก้า (Arabica) กับ โรบัสต้า (Robusta) นั่นเองค่ะ ทีนี้เรามาดูความต่างของกาแฟ 2 สายพันธุ์นี้กันเลย

ความแตกต่างของกาแฟ อราบิก้า VS โรบัสต้า
 
เมล็ดกาแฟ อราบิก้า (Arabica) 


     อราบิก้า (Arabica) คือสายพันธุ์ของกาแฟที่คนทั่วโลก รวมถึงคนไทยนิยมดื่มกันมากที่สุด เพราะมีกลิ่นหอม และรสชาตินุ่มละมุน มีหลายมิติ และมีปริมาณคาเฟอีนที่ไม่สูงมาก ดื่มง่าย ลักษณะของเมล็ดกาแฟจะมีความเรียวยาวมากกว่าเมล็ดกาแฟโรบัสต้า (Robusta) อราบิก้า จะเจริญเติบโตได้ดีบนที่สูง ที่มีอากาศเย็น นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทางภาคเหนือของไทย นิยมปลูกกาแฟอราบิก้า กันนั่นเอง 
 

เมล็ดกาแฟ โรบัสต้า (Robusta)
 
     โรบัสต้า (Robusta) เป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมรองลงมาจาก อราบิก้า ลักษณะของเมล็ดกาแฟจะกลมและสั้นกว่าเมล็ดอราบิก้า เส้นผ่ากลางเมล็ดจะเป็นเส้นตรง โรบัสต้า (Robusta) จะเป็นกาแฟที่มีความเข้มและขมกว่าอราบิก้า ไม่ค่อยติดรสชาติเปรี้ยว บอร์ดี้หนักแน่น มีปริมาณคาเฟอีนอยู่ในระดับที่สูงกว่าอราบิก้ามากพอสมควร เลยทำให้บางคนดื่มกาแฟโรบัสต้า (Robusta) แล้วอาจจะมีอาการเวียนหัวได้ อราบิก้าจะโตได้ดีในพื้นที่ที่ต่ำ อากาศร้อนชื้น อย่างโซนภาคใต้ของไทย ส่วนใหญ่เมล็ดกาแฟโรบัสต้าจะถูกนำมาแปรรูปทำเป็นกาแฟสำเร็จรูปมากกว่ากาแฟสดตามร้านกาแฟ

------

ระดับการคั่วกาแฟ คั่วอ่อน คั่วเข้ม คั่วกลาง ได้กาแฟรสชาติต่างยังไง ?

     กาแฟคั่วอะไร อร่อยที่สุด คอกาแฟทั้งหลายคงรู้กันอยู่แล้วว่า กาแฟ คือผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่เป็นเม็ดเล็กๆ สีแดงๆ คล้ายเบอร์รี่ ที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆ และมาจบที่ขั้นตอนการคั่ว ทำให้เกิดเป็น เมล็ดกาแฟ นั่นเอง และบ่อยครั้งที่เวลาเราไปถึงร้าน บาริสต้าก็จะถามว่าเราอยากได้กาแฟคั่วเข้มหรือคั่วกลาง อยากทานกาแฟชนิดไหน Speed Bar หรือ Slow Bar ซึ่งบางคำถามก็อาจจะทำให้เราเป็นงงได้ใชมั้ยล่ะ วันนี้เราเลยจะมาเล่าให้ฟังกัน ถึง ความแตกต่าง ของระดับการคั่วกาแฟ คั่วอ่อน คั่วเข้ม คั่วกลาง รสชาติต่างยังไง ถ้าพร้อมแล้วก็ตามเรามาดูกันเลย บอกเลยว่าร้องอ๋อออได้แน่นอน 

ความแตกต่าง ของระดับการคั่วกาแฟ

คั่วอ่อน คั่วเข้ม คั่วกลาง
 
กาแฟคั่วอ่อน (Light Roast)
     เป็นกระบวนการคั่วที่ตัวเมล็ดกาแฟจะโดนความร้อนไม่เยอะมาก เมล็ดกาแฟที่ได้จะมีสีอ่อน ตัวเมล็ดกาแฟจะยังไม่มีน้ำมันออกมามากเท่าไหร่ รสชาติกาแฟจะออกไปทางเปรี้ยวจากกรดผลไม้ และติดหวานหน่อยๆ ที่ปลายลิ้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟคั่วอ่อน กลิ่นที่ได้จะออกไปทางผลไม้ ดอกไม้ เบอร์รี่ต่างๆ ให้รสสัมผัสที่เบาๆ สดชื่น ไม่ขมเวลาทาน กาแฟคั่วอ่อนนิยมนำมาทำเป็นกาแฟร้อน โดยจะเป็นการดริป ไซฟ่อน หรือสโลบาร์ต่างๆ ก็ได้ 

กาแฟคั่วกลาง (Medium Roast)
     กาแฟคั่วกลาง (Medium Roast) เป็นกาแฟที่เป็นที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก และในไทยก็เช่นกันค่ะ นิยมนำมาทำเมนูกาแฟนม ทั้งร้อนและเย็น ตัวเมล็ดกาแฟจะมีสีเข้มขึ้นจากตัวกาแฟคั่วอ่อน มีน้ำมันที่เกิดจากการคั่วมากขึ้น รสชาติเปรี้ยวจะมีไม่มาก หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ กลิ่นจะออกไปทางคาราเมล และนัตตี้ๆ ถั่วหน่อยๆ ความหนักของบอร์ดี้กาแฟจะมากขึ้น กาแฟคั่วกลางสามารถเอามาทำกาแฟได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น คาปูชิโน่ มอคค่า ลาเต้ และอื่นๆ แล้วแต่ใจบาริสต้าเลย
 

กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast)
     กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast) คือกาแฟที่ถูกใจสายดาร์ก เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้ม เพราะผ่านการคั่วที่นานกว่า น้ำมันที่เคลือบผิวกาแฟจะมีอยู่เยอะกว่าชนิดอื่นๆ รสชาติเปรี้ยวหวานจะหายไปทั้งหมด กลิ่นจะออกมีติดกลิ่นไหม้เล็กน้อย คาราเมลแบบสโมคๆ บอร์ดี้กาแฟจะหนักแน่น สีกาแฟจะออกมาชัด นิยมนำมาทำกาแฟเย็น ใส่นมหนักๆ เข้มข้นหวานมัน อย่างเมนู เอสเพรสโซ่เย็น หรือกาแฟปั่น จะได้กาแฟที่รสชาติเข้มข้น อร่อย หอมกลิ่นกาแฟแบบเต็มๆ

 ------

วัตถุดิบกาแฟ ลำดับขั้น กาแฟสาร และ กาแฟคั่ว

เมล็ดกาแฟสาร (Green Bean) คือ เมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการแปรรูปขั้นต้นแล้ว (เช่น การกะเทาะเปลือก) และพร้อมที่จะนำไปคั่วในขั้นตอนต่อไป ส่วน กาแฟคั่ว (Roasted Bean) คือเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วแล้ว มีทั้งรสชาติ กลิ่น และระดับความเข้มที่หลากหลายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับการคั่ว (อ่อน, กลาง, เข้ม) และชนิดของเมล็ดกาแฟ. 
 
ความแตกต่างหลัก
 
คุณสมบัติ เมล็ดกาแฟสาร และ กาแฟคั่ว

กาแฟสาร  - สถานะ เป็นเมล็ดกาแฟดิบที่ผ่านการแปรรูปเบื้องต้นแล้ว ยังไม่ผ่านกระบวนการคั่ว
กาแฟคั่ว - สถานะเป็นเมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการคั่วให้สุกแล้ว

ลักษณะภายนอก
กาแฟสาร - สีเขียว มีกลิ่นดินหรือกลิ่นเฉพาะของเมล็ดกาแฟดิบ
กาแฟคั่ว - สีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีกลิ่นหอมและรสชาติที่ซับซ้อนขึ้น

การใช้งาน
กาแฟสาร - ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตกาแฟคั่วเท่านั้น
กาแฟคั่ว - สามารถนำไปบดเพื่อชงดื่มได้ทันที

ระดับการแปรรูป
กาแฟสาร - กาแฟอยู่ในขั้นตอนก่อนการคั่ว
กาแฟคั่ว - อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำไปชงดื่ม


รสชาติ/กลิ่น
กาแฟสาร - ยังไม่มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะของกาแฟที่ชัดเจน
กาแฟคั่ว =  มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับระดับการคั่วและชนิดของเมล็ดกาแฟ
 
ตัวอย่างระดับการคั่วของกาแฟคั่ว
คั่วอ่อน (Light Roast): มีความเป็นกรดสูง กลิ่นผลไม้หรือดอกไม้ชัดเจน
คั่วกลาง (Medium Roast): รสชาติสมดุล กลิ่นหอมและรสชาติซับซ้อน
คั่วเข้ม (Dark Roast): รสชาติเข้มข้น มีความขมและกลิ่นคล้ายช็อกโกแลต 

-----

** ส่วนผสม และ องค์ประกอบของ กาแฟคั่ว **

ในเมล็ดกาแฟคั่วประกอบไปด้วยสารอะไรบ้างและมีประโยชน์อย่างไร

เมล็ดกาแฟคั่วไม่ใช่แค่แหล่งของกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยสารประกอบทางเคมีหลากหลายชนิดที่มีคุณสมบัติทางสุขภาพมากมาย ซึ่งสารต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นทั้งจากธรรมชาติในเมล็ดกาแฟและจากกระบวนการคั่ว ต่อไปนี้คือสารสำคัญในเมล็ดกาแฟคั่วและประโยชน์ของแต่ละชนิด:

1. คาเฟอีน (Caffeine)

คุณสมบัติ:
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง
ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ลดอาการง่วงนอน
เพิ่มสมาธิและความสามารถในการจดจำระยะสั้น
อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

ข้อควรระวัง: การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ใจสั่น หรือความดันโลหิตสูงในบางราย

2. กรดคลอโรเจนิก (Chlorogenic Acids)

คุณสมบัติ:
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในกาแฟ
ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
มีการศึกษาว่าอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก

หมายเหตุ: ปริมาณของกรดคลอโรเจนิกจะลดลงบ้างจากกระบวนการคั่ว แต่ยังคงมีอยู่ในระดับที่มีประโยชน์

3. เมลานอยดินส์ (Melanoidins)

คุณสมบัติ:
เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard Reaction) ระหว่างการคั่ว
มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยส่งเสริมสุขภาพของลำไส้โดยกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดี
ช่วยให้กาแฟมีสีเข้มและกลิ่นหอม

4. กรดอะมิโนและโปรตีนที่แปรสภาพ

คุณสมบัติ:
ขณะคั่ว เมล็ดกาแฟเกิดการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน ซึ่งส่งผลต่อรสชาติ
โปรตีนบางส่วนมีบทบาทในการสร้างกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟ

5. น้ำมันหอมระเหย (Volatile Oils)

คุณสมบัติ:
เป็นสารที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของกาแฟ
บางชนิดอาจมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

6. แร่ธาตุและวิตามิน

ประกอบด้วย: โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, ไนอะซิน (วิตามิน B3)
คุณสมบัติ:
สนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
บำรุงหัวใจ และช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

สรุป

แม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่มีความซับซ้อนในรสชาติ แต่ในเชิงโภชนาการ เมล็ดกาแฟคั่วก็เป็นแหล่งรวมของสารประกอบที่ให้ทั้งประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตาม การดื่มในปริมาณพอเหมาะ (เช่น 12 แก้วต่อวัน) จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดโดยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง

---

สารกาแฟคืออะไร

กาแฟสารคือ คำที่ใช้เรียกเมล็ดกาแฟดิบ (green bean) ที่ผ่านการสีเอากะลาออกพร้อมที่จะคั่วแล้ว ดังนั้นจึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากถึงมากที่สุดในการคัดเลือกสารกาแฟมาใช้ จะต้องประกอบด้วยคุณลักษณะและองค์ประกอบในการคัดเลือก ซึ่งกาแฟสารแต่ละแหล่งจะมีลักษณะต่างกันบ้างทั้งรูปร่างหน้าตาความชื้น


กาแฟสาร (Green Coffee) ที่ดีหากเป็นฤดูกาลใหม่ควรมีลักษณะคร่าวๆ ดังนี้ 

1.เมล็ดกาแฟสารควรมีผิวตึงสีเขียวเข้มคล้ายมรกตและเป็นสีที่สม่ำเสมอ

2.เมล็ดกาแฟแข็งแกร่งเหมือนเมล็ดถั่วเหลือง

3.กาแฟอาราบิกาควรมีความชื้นไม่เกิน 12% บวกลบ 0.5

4.กาแฟสารที่ดีควรจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่กาแฟรวมไปถึงเมล็ดที่แตกหักหรือมอด

5.กาแฟที่ดีควรจะมีกลิ่นสะอาด ไม่มีกลิ่นหมักซึ่งกาแฟใหม่อาจจะมีกินเหม็นเขียวอยู่บ้างซึ่งในมุมนี้ถือว่าเป็นข้อดี

------

สรรพคุณของกาแฟ

กาแฟมีสรรพคุณหลักคือช่วยกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มสมาธิ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น ลดความเสี่ยงโรคบางชนิด เช่น เบาหวานชนิดที่ 2, พาร์กินสัน, อัลไซเมอร์, โรคตับแข็ง, และนิ่วในถุงน้ำดี รวมถึงช่วยในการเผาผลาญไขมัน 
 
สรรพคุณด้านสมองและจิตใจ
กระตุ้นให้ตื่นตัว: คาเฟอีนช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า
ลดความเครียด: ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารโดพามีนและเซโรโทนิน ซึ่งช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและลดความเครียด
เพิ่มความจำ: ช่วยเพิ่มสมาธิและความจำในระยะสั้น
ลดความเสี่ยงโรคทางสมอง: การดื่มกาแฟเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันได้ 
 
สรรพคุณด้านร่างกาย
ช่วยเผาผลาญไขมัน: กระตุ้นระบบเผาผลาญและเพิ่มการสลายไขมัน ทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น
ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2: มีผลการวิจัยว่ากาแฟมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้
ดีต่อตับ: ช่วยลดความเสี่ยงโรคตับแข็ง
ช่วยลดความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี: การดื่มกาแฟดำสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
บำรุงหัวใจและหลอดเลือด: ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
บรรเทาอาการปวดศีรษะ: คาเฟอีนมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะบางชนิดได้ 
 
ข้อควรทราบ
กาแฟมีคาเฟอีน: สรรพคุณส่วนใหญ่มาจากคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้น
ปริมาณการดื่ม: ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ หากดื่มมากเกินไปอาจส่งผลเสียได้
ข้อควรระวัง: ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะที่ต้องหลีกเลี่ยงคาเฟอีนควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม 
 
---------------

การผลิตกาแฟไทยยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ทำให้
ต้องมีการนำเข้ากาแฟเป็นจำนวนมากเพื่อบริโภคในประเทศและการแปรรูปส่งออก ในขณะเดียวกัน กาแฟไทย (ทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้า) ที่มีคุณภาพดีกำลังเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อลดภาษีและเพิ่มโอกาสทางการค้า 

-----------

สถานการณ์การผลิตและการนำเข้ากาแฟ 


ความต้องการสูงกว่าการผลิต: ความต้องการกาแฟในประเทศสูงกว่าผลผลิตในประเทศถึงกว่า 90%
ทำให้ต้องนำเข้ากาแฟในปริมาณมาก เช่น เมล็ดกาแฟดิบ, เมล็ดคั่ว, หรือกาแฟสำเร็จรูป
แหล่งนำเข้า: เวียดนามเป็นแหล่งนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบรายใหญ่ที่สุดของไทย
ตลาดกาแฟไทย: ตลาดกาแฟในประเทศมีมูลค่าสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคหันมาดื่มกาแฟสดมากขึ้น ทำให้ความต้องการกาแฟคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น 

ศักยภาพของกาแฟไทยและการส่งออก 

การยอมรับในระดับสากล: กาแฟไทย โดยเฉพาะอาราบิก้าจากภาคเหนือ ได้รับรางวัลในเวทีระดับนานาชาติ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า: ไทยมีศักยภาพในการแปรรูปเมล็ดกาแฟดิบให้เป็นกาแฟสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
การใช้ประโยชน์จาก FTA: การเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ช่วยลดภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า ทำให้กาแฟไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น
การพัฒนาคุณภาพ: เกษตรกรควรเน้นการพัฒนาคุณภาพกาแฟ เช่น การเก็บเกี่ยวที่สุกเต็มที่ และการแปรรูปที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น 

อุปสรรคและแนวโน้มในอนาคต 


ความผันผวนของราคา: ราคาเมล็ดกาแฟไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ไม่เพียงพอ
การเปลี่ยนแปลงของตลาด: ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวและนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการผลิต 

----------
กาแฟไทย ปี68 ผลผลิตน้อย สศก. ชี้ต้องนำเข้าเพิ่มกว่า 8 หมื่นตัน
 BE อย่างไรก็ตาม พบว่า ปริมาณการผลิตรวมยังคงน้อยกว่าปริมาณความต้องการใช้ที่ต้องการมากกว่า 95,500 ตัน 
------------
กาแฟไทยให้ใช้ FTA อย่างเต็มที่ ซึ่งFTA เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจกาแฟไทยบุกตลาดโลกได้ง่ายขึ้น เ
-----------

กาแฟไทย เส้นทางจากไร่สู่ถ้วย และศักยภาพในตลาดโลก 

กาแฟไทยกำลังได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะกาแฟอาราบิก้าจากภาคเหนือที่ได้รับรางวัลในเวทีต่างประเทศ 

ตลาด coffee โตสวนเศรษฐกิจ "คอกาแฟ" ดื่มทะลุปีละ 180 แก้ว 

ในปัจจุบันพบว่า การดื่มกาแฟมีปริมาณเพิ่มขึ้นในทุก ๆปี หรือมากกว่า 340 แก้ว/คน/ปี 

ไทยมีการนำเข้ากาแฟดิบในปริมาณมาก เพื่อบริโภคในประเทศและแปรรูปส่งออกเป็นกาแฟสำเร็จรูป 
 
กาแฟไทย ปี68 ผลผลิตน้อย สศก. ชี้ต้องนำเข้าเพิ่มกว่า 8 หมื่นตัน
 
ประเทศไทยผลิตกาแฟได้แค่ 10% ของความต้องการในประเทศ อีก 90 % นำเข้าล้วนๆ

----------


บทความที่เกี่ยวข้อง
ข้าวไทย ของขวัญจากเกษตรกรไทย ส่งไกลยังตลาดโลก ข้าวไทยความพิเศษจากธรรมชาติ และ รสชาติดี (ข้าวประณีต)
ข้าวไทยมีความหลากหลายสูง เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ มีหลายประเภท เช่น ข้าวหอมมะลิ (หอม นุ่ม) ข้าวเหนียว (เหนียวหนึบ) ข้าวขาว (หุงง่าย) และข้าวเพื่อสุขภาพ (สีนิล, ไรซ์เบอร์รี่, สังข์หยด, ข้าวกล้อง) ซึ่งแต่ละพันธุ์มีคุณค่าทางโภชนาการ กลิ่น รส และสัมผัสแตกต่างกันไป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าวไทยผูกพันกับวัฒนธรรมประเพณีและเป็นมรดกทางอาหารของชาติ. ประเภทหลักของข้าวไทย ข้าวหอมมะลิ: มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย นุ่ม (เช่น หอมมะลิ 105, หอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้). ข้าวเหนียว: สำหรับทำขนมและอาหารเหนียว (เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู, กข 6). ข้าวขาว: ข้าวเจ้าทั่วไปที่นิยมบริโภค (เช่น ข้าวเสาไห้, เจ๊กเชย). ข้าวเพื่อสุขภาพ/ข้าวไม่ขัดสี: มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่, ข้าวสังข์หยด, ข้าวสินเหล็ก, ข้าวหอมนิล, ข้าวกล้อง). ตัวอย่างสายพันธุ์ข้าวไทยยอดนิยม ข้าวหอมมะลิ 105: เมล็ดเรียวยาว หอม นุ่ม. ข้าวไรซ์เบอร์รี่: เมล็ดสีม่วงเข้ม คุณค่าสูง. ข้าวสังข์หยดพัทลุง: ข้าวกล้องสีแดง มีประโยชน์สูง. ข้าวเหนียวลืมผัว: ข้าวเหนียวดำ มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย. ข้าวสินเหล็ก: มีธาตุเหล็กสูง ลดการอักเสบ. ข้าวเสาไห้: ข้าวเจ้าที่หุงขึ้นหม้อ นุ่ม.
17 ธ.ค. 2025
เกร็ดความรู้ ผลไม้ไทย By So Ok
ผลไม้ไทยส่งออกหลักๆ คือ ทุเรียน, ลำไย, มังคุด, มะม่วง, และมะพร้าว โดยมี ประเทศจีน เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ที่สำคัญที่สุดสำหรับผลไม้สดหลายชนิด เช่น ทุเรียน มังคุด และมะพร้าว รองลงมาคือ ฮ่องกง เวียดนาม อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ โดยไทยเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาดสูง และมีการขยายตลาดไปยังตะวันออกกลางและยุโรปมากขึ้น. ผลไม้ดาวเด่นและตลาดหลัก ทุเรียน: "ราชาแห่งผลไม้" ครองตลาดจีน (97.4%) และเป็นสินค้าส่งออกหลัก. ลำไย: นิยมในจีน (73.1%), อินโดนีเซีย, เวียดนาม. มังคุด: เป็นที่ต้องการสูงในจีน (91.0%), เวียดนาม, เกาหลีใต้. มะพร้าวอ่อน: ตลาดหลักคือจีน (82.7%), สหรัฐฯ, ฮ่องกง. มะม่วง: ตลาดสำคัญคือเกาหลีใต้ (61.8%), มาเลเซีย, ญี่ปุ่น. ตลาดและโอกาสการส่งออก ตลาดเอเชีย: จีน (ตลาดใหญ่ที่สุด), ฮ่องกง, เวียดนาม, อินโดนีเซีย เป็นตลาดหลักที่สำคัญ. ตลาดใหม่: มีการขยายไปสหรัฐฯ, ตะวันออกกลาง (เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และยุโรป. ความต้องการ: ผลไม้สดแช่เย็น/แข็ง (โดยเฉพาะทุเรียนที่แกะเนื้อ) และผลไม้อบแห้ง เช่น ทุเรียนอบกรอบ มะม่วงอบแห้ง ได้รับความนิยม. แนวโน้มและการแข่งขัน ไทยยังคงเป็นผู้ส่งออกผลไม้สำคัญ แต่ต้องเผชิญการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดจีนจากคู่แข่งรายใหม่ (เวียดนาม, ฟิลิปปินส์). ·“ประเทศเวียดนาม และจีน เป็นประเทศคู่ค้า. ผลไม้ที่สาคัญของไทย จึงมีผู้ส่งออกผลไม้. รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”. “ทุเรียน มังคุด มะพร้าว และมะม่วง จะส่งออก. ได้สูงในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน ·สำหรับส้มโอและชมพู่ก็อาจจะมีโอกาสเติบโต ในตลาดจีนเช่นกัน เนื่องจากส้มโอไทยมีคุณภาพสูง และชมพู่ก็เริ่มขยายตลาดในจีนมากขึ้น ทำให้ชาวจีนรู้จักชมพู่ไทยมากขึ้นกว่าเดิม
13 ธ.ค. 2025
เกร็ดความรู้ข้าวไทย BY SO OK
ข้าวไทยมีความหลากหลายทั้งในด้านพันธุ์และการปลูก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงระดับโลก. ประเภทของข้าวไทย ข้าวหอมมะลิ: เป็นพันธุ์ข้าวที่มีชื่อเสียงที่สุดของไทย มีลักษณะกลิ่นหอมและเนื้อสัมผัสนุ่ม เหมาะสำหรับการบริโภคในครัวเรือนและการส่งออก. ข้าวไรซ์เบอร์รี่: เป็นข้าวที่มีสีม่วงเข้ม มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และได้รับการพัฒนาจากการผสมพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลและข้าวหอมมะลิ 105. ข้าวเหนียว: เป็นข้าวที่นิยมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีลักษณะเหนียวและมักใช้ในการทำขนมหวาน. ข้าวสังข์หยดพัทลุง: เป็นข้าวที่มีลักษณะพิเศษและมีชื่อเสียงในพื้นที่ภาคใต้. ข้าวหอมมะลิ 105: เป็นพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพสูงและนิยมปลูกในหลายพื้นที่. ประวัติและความสำคัญ ข้าวไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยมีการปลูกข้าวในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลักฐานการปลูกข้าวที่พบในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ถ้ำปุงฮุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการปลูกข้าวในบริเวณนี้เมื่อประมาณ 3,000-3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช. thairice.org การปลูกข้าว การปลูกข้าวในไทยมีความหลากหลายตามภูมิภาคและสภาพภูมิอากาศ โดยมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของตลาด. ข้าวไทยไม่เพียงแต่เป็นอาหารหลักของประชาชน แต่ยังเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศอีกด้วย.
9 ธ.ค. 2025
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy