แชร์

มันอัดเม็ด สินค้าดาวรุ่งจากไทย บุกไกลยังตลาด ตะวันออกกลาง และอาฟริกา และเกร็ดความรู้มันเส้น

อัพเดทล่าสุด: 16 ธ.ค. 2025
34 ผู้เข้าชม
ประเทศไทศไทย กับ สินค้ามันเส้น , มันอัดเม็ด

ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออก มันเส้น (Cassava Chips) ,มันอัดเม็ด (Cassava Pellets) รายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะจีนเป็นตลาดหลัก ใช้ทำอาหารสัตว์และเอทานอล แต่กำลังเผชิญความท้าทายด้านการแข่งขันและพึ่งพาตลาดเดียว ทำให้ต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น แป้งดัดแปร และกระจายตลาดไปยังประเทศอื่น เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย. 

ภาพรวมอุตสาหกรรมมันเส้น ,มันอัดเม็ดไทย:
การผลิต: มันเส้นผลิตจากการหั่นหัวมันสดแล้วนำไปตากแห้ง (หรือใช้เครื่องจักร) มีโรงงานจำนวนมาก. , มันอัดเม็ดนำมันเส้นมาแปรรูปและอัดเม็ด เพื่อสะดวกต่อการขนส่ง และป้องกันความสูญเสียระหว่างขนส่ง เช่น มวลฝุ่นผง ฯลฯ

วัตถุดิบ: ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แต่ก็มีการนำเข้ามันเส้นและหัวมันสดจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเสริม.


การส่งออก: จีนเป็นตลาดส่งออกมันเส้นหลักของไทยเกือบทั้งหมด.,มันอัดเม็ด ส่งไปจีน ญี่ปุ่น และล่าสุดตะวันออกกลาง ซาอุดิอารเบีย
การใช้ประโยชน์: มันเส้นใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรม เอทานอล, อาหารสัตว์, และ กรดมะนาว. , มันอัดเม็ดหลักๆใช้เป็นอาหารสัตว์ วัว แพะ แกะ หมู ไก่

ความท้าทาย:
พึ่งพาจีน: การพึ่งพาตลาดจีนสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายนำเข้าของจีน. ปัจจุบัน ไทยได้ Diversify ไปทางมันอัดเม็ดส่งออกแล้ว
การแข่งขัน: ต้องแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนต่ำกว่า.
ปัญหาโรค: ไวรัสใบด่างมันสำปะหลังส่งผลกระทบต่อผลผลิต.

โอกาสและการปรับตัว:
สร้างมูลค่าเพิ่ม: พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปขั้นสูง (เช่น แป้งดัดแปร) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องสำอาง.
ขยายตลาด: หาตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น เม็กซิโก, ชิลี, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย.
เทคโนโลยีและนวัตกรรม: ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ ลดต้นทุน (เช่น พัฒนาพันธุ์ทนโรค, ระบบการปลูก).
Bioeconomy: ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มันสำปะหลัง. 
สรุป: อุตสาหกรรมมันเส้นไทยแข็งแกร่งด้านการผลิตและส่งออก แต่กำลังเผชิญแรงกดดันจากตลาดจีนและการแข่งขัน จึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงและกระจายความเสี่ยงตลาด เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว. 

----------------

ฐานการผลิตมันเส้น มันอัดเม็ดในไทย

ฐานการผลิตมันเส้นและมันอัดเม็ดในไทยกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียนเหนือและภาคตะวันออกที่มีไร่มันสำปะหลังมากที่สุด มีโรงงานแปรรูปทั้งขนาดเล็กและใหญ่จำนวนมาก (เช่น โรงงานมันเส้นนับพันแห่ง) เพื่อรองรับการส่งออกเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์และเอทานอล และมีตลาดส่งออกหลักคือจีน แต่กำลังขยายไปยังตะวันออกกลางและอื่นๆ. 
 
ฐานการผลิตหลัก (โดยทั่วไป)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน): เป็นแหล่งผลิตมันสำปะหลังสำคัญที่สุดของประเทศ มีโรงงานแปรรูปมันเส้นและมันอัดเม็ดจำนวนมากตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ เช่น นครราชสีมา, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, บุรีรัมย์, สุรินทร์ เพื่อแปรรูปจากผลผลิตในพื้นที่.
ภาคตะวันออก: จังหวัดสระบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี ก็เป็นแหล่งที่มีโรงงานแปรรูปมันสำปะหลังสำคัญ โดยเฉพาะแป้งมัน แต่ก็มีมันเส้นและมันอัดเม็ดด้วย. 
 
กำลังการผลิต มันเส้น / มันอัดเม็ดในไทย
โรงงานมันเส้น: มีจำนวนมากถึงกว่า 900-1,000 โรงงานทั่วประเทศ.
โรงงานมันอัดเม็ด: มีประมาณ 20-30 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่แปรรูปจากมันเส้นอีกที เพื่อให้สะดวกในการขนส่ง. 
 
การกระจายตัวของอุตสาหกรรม
โรงงานมันเส้น/มันอัดเม็ด: มักตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งปลูกมันสำปะหลัง เพื่อลดต้นทุนการขนส่งหัวมันสด.
โรงงานแป้งมัน: มีทั้งโรงงานแป้งดิบ และโรงงานแป้งดัดแปรซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า และใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง. 
 
ตลาดส่งออก
จีน: ยังเป็นตลาดหลักของมันเส้น (เกือบทั้งหมด) และแป้งมัน แต่กำลังลดการนำเข้า.
ตะวันออกกลาง (ซาอุฯ): เป็นตลาดใหม่ที่กำลังขยายตัวสำหรับมันอัดเม็ด.
อื่นๆ: เม็กซิโก, ชิลี, ฟิลิปปินส์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อินโดนีเซีย, ไต้หวัน). 

ปริมาณผลผลิต มันเส้น และ มันอัดเม็ดในไทย

ไทยผลิตมันสำปะหลังเพื่อส่งออกสูง โดยปริมาณมันเส้นและมันอัดเม็ดส่งออกปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) พุ่งสูงถึง 5.0 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 38.9%) โดยตลาดหลักคือจีน จากความต้องการอาหารสัตว์และเอทานอลที่เพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลตัวเลขรวมการผลิตทั้งหมด (หัวสด) ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 27-30 ล้านตัน แต่ส่วนใหญ่ถูกแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมันเส้นและมันอัดเม็ดเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ตลาดโลกต้องการทดแทนธัญพืช. 
ข้อมูลปริมาณการผลิตและการส่งออก (แนวโน้มล่าสุด)
ภาพรวมการส่งออก (ม.ค.-มิ.ย. 2568): ปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรวม 5.0 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 38.9% จากปีก่อน) โดยเฉพาะมันเส้นและมันอัดเม็ดส่งออก 503.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (16.763 พันล้านบาท).
ตลาดจีน: จีนนำเข้ามันเส้นและมันอัดเม็ดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เหตุผลหลักคือความต้องการมันเส้นไปทำอาหารสัตว์และเอทานอลทดแทนข้าวโพดที่ขาดแคลน.
การผลิตในประเทศ (2567): ผลผลิตหัวมันสดทั้งปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 26.88 ล้านตัน (ลดลง 12.21% จากปีก่อน) เนื่องจากปัญหาโรคพืชและภัยแล้ง แต่ความต้องการใช้ในประเทศสำหรับเอทานอลเพิ่มขึ้น.
มันอัดเม็ด: มีการเจาะตลาดใหม่ๆ เช่น ตะวันออกกลาง (ซาอุฯ) และตลาดยุโรป (เนเธอร์แลนด์) โดยมีออเดอร์สำคัญเกิดขึ้นใหม่. 
สัดส่วนการใช้มันสำปะหลังของไทย
ไทยเน้นผลิตเพื่อส่งออก (ประมาณ 75-80%) มากกว่าใช้ในประเทศ.
ส่วนใหญ่แปรรูปเป็นมันเส้น, มันอัดเม็ด, แป้งมัน, และเอทานอล เพื่อส่งออกเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง. 
ความสำคัญของมันเส้นและมันอัดเม็ด
เป็นที่ต้องการของตลาดโลก (โดยเฉพาะจีน) สำหรับผลิตอาหารสัตว์และเชื้อเพลิงชีวภาพ (เอทานอล).
เป็นวัตถุดิบ Non-GMO ซึ่งเป็นจุดแข็งในการแข่งขัน. 
สรุป: ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรายใหญ่ของโลก ปริมาณการผลิตมันเส้นและมันอัดเม็ดมีแนวโน้มเติบโตสูง จากความต้องการของตลาดจีนและตลาดโลกที่มองหาวัตถุดิบทดแทนธัญพืช แม้การผลิตหัวมันสดจะเผชิญความท้าทายจากสภาพอากาศและโรคพืช. 
 
 ---------

แนวโน้มธุรกิจ/อุตสาหกรรม 2567-2569 : อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง

อุตสาหกรรมมันสำปะหลังโดยรวมปี 2567-2569 อุปทานมันสำปะหลังมีทิศทางหดตัวจากผลกระทบของภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) นอกจากนี้ยังเผชิญความเสี่ยงจากโรคใบด่างมันสำปะหลัง และการขาดแคลนท่อนพันธุ์ ขณะที่ความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องของตลาดในประเทศ (โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเอทานอล) มีทิศทางขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ

ข้อมูลพื้นฐาน

มันสำปะหลังเป็นพืชอาหารที่มีปริมาณแป้งสูง (Carbohydrate-rich crops) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน 4 ด้านหลัก (4F) ประกอบด้วย 1) Food อาหารสำหรับมนุษย์ 2) Feed อาหารเลี้ยงสัตว์ 3) Fuel วัตถุดิบในการผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นพลังงานชีวภาพ และ 4) Factory ภาคอุตสาหกรรม อาทิ แอลกอฮอล์ กรดมะนาว เครื่องนุ่งห่ม ยา กระดาษ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันสำปะหลังมักมีราคาถูกกว่าพืชอาหารที่ให้แป้งประเภทอื่น อีกทั้งสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้ความต้องการมันสำปะหลังในตลาดโลกเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้มันสำปะหลังเป็นพืชอาหารที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 5 ของโลกเมื่อพิจารณาจากปริมาณผลผลิตโดยรวม รองจากข้าวโพด ข้าวเจ้า ข้าวสาลี และมันฝรั่ง

ในปี 2564 ผลผลิตมันสำปะหลังทั่วโลกมีประมาณ 324.7 ล้านตัน (ภาพที่ 1) ทวีปแอฟริกาเป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็น 64.7% ของผลผลิตทั่วโลก รองลงมาคือทวีปเอเชีย1/ (26.7%) อเมริกา (8.5%) และโอเชียเนีย (0.1%) หากพิจารณาเป็นรายประเทศ ไนจีเรียเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลก (สัดส่วน 19.4% ของผลผลิตทั่วโลก) รองลงมาเป็นคองโก (14.1%) ไทย (10.8%) กานา (7.0%) บราซิล (5.6%) และอินโดนีเซีย (5.5%) ขณะที่กัมพูชาและเวียดนามมีผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นมากโดยเติบโตเฉลี่ย 9% และ 2% ต่อปี ตามลำดับ ในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา ผลจากการเข้าไปลงทุนของผู้ประกอบการจากประเทศไทยและจีน

แม้กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาจะเป็นผู้ผลิตมันสำปะหลังรายใหญ่ของโลก แต่ยังเน้นผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากมันสำปะหลังเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงด้านอาหาร คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ โดยผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ หัวมันสดและผลิตภัณฑ์แปรรูป ขณะที่ไทยเน้นผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก และเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก โดยความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังของโลก ส่วนใหญ่มาจากประเทศในทวีปเอเชียโดยเฉพาะจีนซึ่งมีปริมาณการนำเข้าคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 44.2% ของปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั่วโลก  

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลังตามความต้องการในตลาดส่งออก ในปี 2565 เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง (อุตสาหกรรมขั้นต้น) มีจำนวนประมาณ 7.4 แสนครัวเรือนทั่วประเทศ พื้นที่เก็บเกี่ยวโดยรวมประมาณ 9.9 ล้านไร่ (อัตราพื้นที่เก็บเกี่ยวเฉลี่ย 13.5 ไร่ต่อครัวเรือน) ให้ผลผลิตมันสำปะหลังประมาณ 34.1 ล้านตันโดยกระจุกตัวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 54% ของพื้นที่เก็บเกี่ยวทั่วประเทศ หากพิจารณารายจังหวัด พบว่ากระจุกตัวในจังหวัดนครราชสีมามากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 13.3% ของพื้นที่เก็บเกี่ยวทั่วประเทศ รองลงมาเป็นกำแพงเพชร (7.3%) ชัยภูมิ (6.0%) กาญจนบุรี (5.4%) และอุบลราชธานี (5.3%)

ในปี 2566 โรงงานแปรรูปมันสำปะหลังในไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 1,102 โรงงาน3/  ซึ่งมักตั้งอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกเพื่อความสะดวกและประหยัดต้นทุนการขนส่ง โดยจังหวัดนครราชสีมามีจำนวนโรงงานแปรรูปมากที่สุด 153 โรงงาน รองลงมาเป็นกำแพงเพชร (145 โรงงาน) นครสวรรค์ (58 โรงงาน) ชัยภูมิ (55 โรงงาน) ขณะที่ผู้ประกอบการบางกลุ่มเลือกที่ตั้งโรงงานใกล้เคียงแหล่งวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งผู้ประกอบการไทยได้เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปขั้นต้นในประเทศเหล่านี้เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ อาทิ อุบลราชธานี (64 โรงงาน) กาญจนบุรี (62 โรงงาน) และสระแก้ว (49 โรงงาน) รวมถึงการตั้งโรงงานใกล้ท่าเรือขนส่งเพื่อการส่งออกได้แก่ ชลบุรี (24 โรงงาน) ฉะเชิงเทรา (12 โรงงาน) ระยอง (11 โรงงาน) 

ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ผลิตในไทยแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตากแห้ง (Dried Cassava) ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ มันเส้น (Cassava Chip) ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์ แอลกอฮอล์ และกรดมะนาว โดยปัจจุบันไทยมีโรงงานมันเส้น 937 โรงงาน คิดเป็น 95.0% ของจำนวนโรงงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ทั้งหมด รองลงมาเป็นโรงงานมันอัดเม็ด 28 โรงงาน4/ (2.9%) และลานตากมันสำปะหลัง 14 โรงงาน4/ (1.4%) นอกนั้นเป็นการแปรรูปในรูปแบบอื่นๆ อาทิ มันสำปะหลังแผ่น มันสำปะหลังบดหรือโม่เพื่อเป็นอาหารสัตว์


ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง (Cassava Starch) ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น คือ แป้งมันสำปะหลังดิบ (Native Starch) สามารถใช้บริโภคโดยตรงในครัวเรือน (เพื่อประกอบ/ปรุงอาหาร) และใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch)5/ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง อีกทั้งใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้หลากหลาย อาทิ ผงชูรส สารให้ความหวาน ซอสปรุงรส เครื่องสำอาง และยา เป็นต้น ปัจจุบันโรงงานแป้งมันสำปะหลังดิบในไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 29 โรงงาน และโรงงานแป้งมันสำปะหลังดัดแปร 87 โรงงาน โดยทั่วไปการผลิตมันสำปะหลังแปรรูปขั้นต้นส่วนใหญ่จะดำเนินการในช่วงปลายปีถึงต้นปีถัดไปโดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของผลผลิต สะท้อนจากดัชนีการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตมันสำปะหลังแปรรูปที่อยู่ในระดับสูงสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมของแต่ละปี 

 เมื่อพิจารณาโครงสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย พบว่า ในปี 2565 อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังใช้วัตถุดิบที่มาจากผลผลิตในประเทศ 71.1% โดยมีการนำเข้า 18.6% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน 99.1% ของปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมด การนำเข้าส่วนใหญ่เป็นมันเส้น 3.2 ล้านตัน6/ และหัวมันสด 1.0 ล้านตัน (สัดส่วนรวมกัน 99.5% ของปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมด) ที่เหลืออีก 10.3% เป็นสต็อกของปีก่อน ทั้งนี้ 73.5% ของปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังจะถูกใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปใช้ผลิตเพื่อบริโภคและใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศ 

จากความพร้อมด้านแหล่งผลิตวัตถุดิบมันสำปะหลังของไทย ทำให้ไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีส่วนแบ่งในตลาดส่งออกมันเส้นที่ 71% แป้งมันสำปะหลังดิบ 59% และแป้งมันสำปะหลังดัดแปร 31% ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มันอัดเม็ดมีปริมาณน้อยมาก ผลจากการที่สหภาพยุโรปซึ่งเคยนำเข้ามันอัดเม็ดเป็นหลัก และเคยเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยมีนโยบายลดการนำเข้ามันอัดเม็ดและหันไปใช้ธัญพืชอื่นทดแทนตั้งแต่ปี 2548 ส่งผลให้มูลค่าส่งออกมันอัดเม็ดของไทยลดลงเป็นลำดับ โดยโครงสร้างตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในปัจจุบันพึ่งพาตลาดภูมิภาคเอเชียเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะจีน11/ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 76% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทย โดยตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยแต่ละประเภท มีดังนี้

มันเส้น มีสัดส่วน 52.5% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทยในปี 2565 (ภาพที่ 8) โดยส่งออกไปจีนเกือบทั้งหมด (สัดส่วนสูงถึง 99.5% ของปริมาณส่งออกมันเส้นทั้งหมดของไทยในปี 2565) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ เอทานอล อาหารสัตว์12/ และกรดมะนาว จากโครงสร้างตลาดส่งออกที่พึ่งพาจีนเป็นหลักทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองต่ำและมีความเสี่ยงด้านตลาดสูงหากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการนำเข้าของจีน ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2561-2563 จีนลดการนำเข้ามันเส้นโดยหันไปใช้ข้าวโพดในประเทศ ทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก 

แป้งมันสำปะหลังดิบ มีสัดส่วน 33.5% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทย ตลาดส่งออกหลักคือ จีน (สัดส่วน 61% ของปริมาณส่งออกแป้งมันสำปะหลังดิบของไทย) รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย (8%) ไต้หวัน (8%) มาเลเซีย (6%) และฟิลิปปินส์ (4%) ทั้งนี้ความต้องการขึ้นอยู่กับทิศทางอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร กระดาษ เครื่องดื่ม และสิ่งทอ

แป้งมันสำปะหลังดัดแปร มีสัดส่วน 10.2% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทย ความต้องการบริโภคในตลาดโลกขยายตัวค่อนข้างดีตามทิศทางของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อาหาร ยา และเครื่องสำอาง จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ คือ ญี่ปุ่น (สัดส่วน 28% ของปริมาณส่งออกแป้งมันสำปะหลังดัดแปรของไทยในปี 2565) ตามด้วยจีน (23%) อินโดนีเซีย (9%) และเกาหลีใต้ (9%)
มันอัดเม็ด มีสัดส่วนเพียง 0.7% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทย (เพิ่มขึ้นจาก 0.2%) ผลจากสหภาพยุโรปมีนโยบายลดการนำเข้ามันอัดเม็ดจากไทยตั้งแต่ปี 2548 ประกอบกับราคามันอัดเม็ดของไทยไม่สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์จากธัญพืชทดแทนอย่างอื่น (เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์) โดยประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นตลาดส่งออกหลักมีสัดส่วนกว่า 56% ของปริมาณส่งออกมันอัดเม็ดของไทย รองมาเป็นจีน (34%) และญี่ปุ่น (6%)


ผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทอื่นๆ มีสัดส่วน 3.1% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทย ประกอบด้วย หัวมันสำปะหลัง สาคูที่ทำจากแป้งมันสำปะหลัง และกากมันสำปะหลัง ตลาดส่งออกสำคัญ คือ เกาหลีใต้ (สัดส่วน 48% ของปริมาณส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ของไทยในปี 2565) ตามด้วยนิวซีแลนด์ (24%) และจีน (20%)


สำหรับความต้องการใช้มันสำปะหลังภายในประเทศ นอกจากจะใช้เพื่อการบริโภคโดยตรงในครัวเรือนและเพื่อผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์แล้ว ยังใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ และแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายรายมีการพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจโดยการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง รวมถึงการผลิตไฟฟ้าชีวมวลจากกากมันสำปะหลังและของเสียจากโรงงานเพื่อใช้เองและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ 

แนวโน้มอุตสาหกรรม

โรคใบด่างมันสำปะหลัง และการขาดแคลนท่อนพันธุ์เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีทิศทางหดตัว อย่างไรก็ตาม อุปทานมัน สำปะหลังยังมีแรงหนุน อาทิ ราคาที่คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก , ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ยังเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในเขตพื้นที่ใกล้ระบบชลประทาน และ (3) แนวโน้มความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่จะขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีมากขึ้น ทำให้หลายประเทศมีอุปสงค์เพื่อความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) เพิ่มขึ้น
ปี 2569 อุปทานมันสำปะหลังผลผลิต: ในปี 2567-2569 ปริมาณมันสำปะหลังของไทยโดยรวมคาดว่ามีแนวโน้มหดตัว -0.5% ถึง -3.5% ต่อปี (ต่อเนื่องจากคาดการณ์หดตัว -9.8% ในปี 2566) โดย

ช่วงปี 2567-2568 คาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังจะอยู่ที่ 27.4-27.9 ล้านตันหัวมันสด หดตัวเฉลี่ย -5.0% ถึง -6.0% ต่อปี ผลจากประเทศไทยเผชิญสภาพอากาศแห้งแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ  ซึ่งคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยส่งผลต่อเนื่องราว1-2 ปี ประกอบกับการระบาดของมีแนวโน้มกลับมาขยายตัว แรงหนุนจาก ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่คาดว่าจะเริ่มคลายตัวลงหลังพ้นจุดสูงสุด (Peak Impacts) และการเปรียบเทียบกับฐานต่ำในช่วง 2 ปีก่อนหน้า ราคาโดยรวมที่ยังคงจูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูก และ การขยายพื้นที่เพาะปลูกประกอบกับผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยคาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังสดจะกลับมาเฉลี่ยอยู่ที่ 29.5-30.5 ล้านตันหัวมันสด ขยายตัวในอัตรา 7.5%-11.5% 


แนวโน้มทิศทาง มันอัดเม็ดจากไทย เพื่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์

ทิศทางอนาคตของมันเส้น / มันอัดเม็ดมีทั้งโอกาสจากตลาดใหม่ (ตะวันออกกลาง) และความท้าทายจากปัจจัยลบ เช่น เอลนีโญ, โรคระบาด (ใบด่าง), การแข่งขันสูงขึ้น, และความผันผวนของตลาดโลก โดยไทยมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพ, สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม (อาหารสัตว์, พลังงาน, บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน), ขยายตลาด Non-GMO และพึ่งพาตนเองด้านวัตถุดิบเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำส่งออก แต่ต้องจัดการกับปัญหาอุปทานและรักษาเสถียรภาพราคาเพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร. 
 
โอกาสและปัจจัยบวก
ตลาดใหม่และการขยายตัว: จีนยังมีความต้องการสูง, ตะวันออกกลางเปิดตลาดใหม่ (ซาอุฯ) สำหรับมัน Non-GMO, ตลาดอาหารสัตว์และพลังงานชีวภาพเติบโต.
นวัตกรรมและมูลค่าเพิ่ม: ใช้แป้งมันเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารฟังก์ชัน, พืชทดแทน, บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน, และงานวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ.
นโยบายรัฐ: สนับสนุนการพัฒนาพันธุ์, การตลาด, และการส่งออกเพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร.
คุณภาพ: มันสำปะหลังไทยมีคุณภาพสูง เป็น Non-GMO ทำให้เป็นที่ต้องการ. 
 
ความท้าทายและปัจจัยลบ
ภัยธรรมชาติและโรค: เอลนีโญทำให้แล้ง, โรคใบด่างมันสำปะหลังระบาด, ส่งผลต่อปริมาณผลผลิต.
ต้นทุนการผลิตสูง: ราคาปุ๋ยและค่าแรงงานเก็บเกี่ยวเพิ่ม.
การแข่งขัน: จีนหันมาใช้ข้าวโพดทดแทน, การแข่งขันในตลาดโลกสูง.
ปัญหาอุปทาน: การขาดแคลนท่อนพันธุ์และการจัดการสต๊อกคงค้าง. 
 
ทิศทางในอนาคต
ระยะสั้น: ผลผลิตอาจลดลงจากภัยแล้ง, ราคาผันผวน, ผู้ผลิตเสี่ยงจากสต็อกและราคา.
ระยะกลาง-ยาว: เน้นสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ, พัฒนาพันธุ์ต้านทานโรค, ขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่, ยกระดับจากสินค้าเกษตรธรรมดาสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (นวัตกรรม, พลังงาน, อาหาร) เพื่อความยั่งยืนและเพิ่มรายได้. 
 
 ----------

โซ โอเค เทรดดื้ง มีแหล่งวัตถุดิบทั้ง มันเส้น มันอัดเม็ด ข้าวโพด เกษตรกรรมจำหน่าย ราคาดี คุณภาพสูง ถ้าสนใจกดปุ่ม contract usได้เลย

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy