Share

เกร็ดความรู้ Aluminum โดย SO OK TRADING

Last updated: 6 Dec 2025
225 Views

อลูมิเนียมมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอย่างยิ่งเพราะคุณสมบัติเด่นคือ น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน นำไฟฟ้าและความร้อนได้ดี และขึ้นรูปง่าย ทำให้เป็นวัสดุหลักในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ (ลดน้ำหนักรถ ประหยัดพลังงาน) การบิน (โครงสร้างอากาศยาน) ก่อสร้าง (ประตูหน้าต่าง เฟรมอาคาร) บรรจุภัณฑ์อาหาร (กระป๋อง ฟอยล์) ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สายไฟ อุปกรณ์) และบรรจุภัณฑ์ (กระป๋องเครื่องดื่ม) โดยสามารถผสมกับโลหะอื่นเพื่อสร้าง อัลลอยด์ ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวมากขึ้น. 
 
ความสำคัญในแต่ละอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมยานยนต์และขนส่ง: น้ำหนักเบาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่.
อุตสาหกรรมก่อสร้าง: ใช้ทำโครงสร้าง เสา คาน ประตู หน้าต่าง แทนไม้/เหล็ก ให้ความสวยงาม ทนทาน.
อุตสาหกรรมไฟฟ้า: นำไไฟฟ้าได้ดี น้ำหนักเบา จึงใช้ทำสายส่งกำลังไฟฟ้าแรงสูงและส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์.
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม: ทนความร้อนและสารเคมี ไม่ทำปฏิกิริยา จึงเหมาะทำกระป๋อง ฟอยล์ เครื่องครัว.
อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ: น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง เหมาะทำโครงสร้างอากาศยาน. 
 
คุณสมบัติที่ทำให้เป็นที่ต้องการ
เบาแต่แข็งแรง: ความหนาแน่นต่ำแต่รับน้ำหนักได้ดี.
ทนทาน: ไม่เป็นสนิม ทนการกัดกร่อนและสภาพอากาศได้ดี.
แปรรูปง่าย: สามารถรีด อัด ฉีด เพื่อขึ้นรูปได้หลากหลาย.
นำความร้อนและไฟฟ้า: คุณสมบัติเด่นสำหรับการใช้งานด้านไฟฟ้าและเครื่องครัว.
รีไซเคิลได้: เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม. 
กล่าวโดยสรุป อลูมิเนียมเป็นโลหะอเนกประสงค์ที่ขาดไม่ได้ในอุตสาหกรรมยุคใหม่ เนื่องจากคุณสมบัติที่ผสมผสานระหว่างความเบา ความแข็งแรง และความทนทาน ทำให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโครงสร้างต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน. 
 
  
 อลูมิเนียมถือได้ว่าเป็นโลหะที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากที่สุดตัวหนึ่งทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยเราสามารถพบอลูมิเนียมได้ทั้งในรูปแบบกระป๋องอลูมิเนียมบรรจุเครื่องดื่ม ฟอยล์ห่ออาหาร อุปกรณ์ครัว ขอบประตูหน้าต่าง ล้อแม็กซ์ อุตสาหกรรมการบิน
 

จุดเด่นของอะลูมิเนียมคือ มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กและทองแดงถึงประมาณหนึ่งในสาม ทำให้กลายเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในหลากหลายอุตสาหกรรม ความเบานี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ลดการใช้พลังงาน และช่วยลดมลภาวะ เนื่องจาก Recycled ได้ 100%
 
อลูมิเนียม (Aluminium) ถือเป็นโลหะที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือนอลูมิเนียมใช้อุตสาหกรรมต่างๆเช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสากรรมก่อสร้าง และใช้ในงานตกแต่งบ้านทดแทนไม้ 
 
9 Series of Aluminum Alloys

อลูมิเนียมถือได้ว่าเป็นโลหะที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากที่สุดตัวหนึ่งทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยเราสามารถพบอลูมิเนียมได้ทั้งในรูปแบบกระป๋องอลูมิเนียมบรรจุเครื่องดื่ม ฟอยล์ห่ออาหาร อุปกรณ์ครัว กรอบประตูหน้าต่าง ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือแม้แต่ชิ้นส่วนเครื่องบินและชิ้นส่วนยานอวกาศ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนมีส่วนผสมหลักเป็นโลหะอลูมิเนียมทั้งสิ้น แต่อลูมิเนียมที่ว่านั้นจะมีความเหมือนและความต่างกันอย่างไร? Aluminium Loop ชวนผู้อ่านมาหาคำตอบกันค่ะ

ก่อนอื่นเลยเรามาเรียนรู้ถึงคุณสมบัติของอลูมิเนียมกันก่อนดีกว่า เพราะบางคนอาจจะสงสัยว่าเจ้าโลหะตัวนี้มีดียังไง ทำไมถึงนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเลย

ด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรงแต่มีความหนาแน่นน้อยและน้ำหนักเบา นำความร้อนและความเย็นได้ดี ทนต่ออากาศจึงไม่ถูกกัดกร่อน สามารถขึ้นรูปได้ง่าย และที่สำคัญสามารถรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่รู้จบ ทำให้อลูมิเนียมถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม หลายผลิตภัณฑ์ที่มีอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบนั้นไม่ได้ใช้อลูมิเนียมบริสุทธิ์ 100% แต่มักจะเป็นอลูมิเนียมผสม (Aluminium Alloy) กับธาตุอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของวัสดุให้เหมาะกับการใช้งานนั้นๆ ซึ่งธาตุที่ผสมก็มีทั้งแม็กนีเซียม, ซิลิกอน, ทองแดง, แมงกานีส และสังกะสี เป็นต้น โดยเราสามารถแยก Aluminium Alloy ออกเป็น 9 ซีรีส์ ตามคุณสมบัติของอลูมิเนียมที่มีการผสมกับธาตุต่างๆ แล้ว

Series 1xxx: อลูมิเนียมที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99.00%

ความบริสุทธิ์ของอลูมิเนียมอยู่ระหว่าง 99.0% 99.9% มีความแข็งแรงไม่สูงมาก แต่มีความเหนียว นำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดี และสะท้อนแสงได้ดี สามารถขึ้นรูปและตัดแปรรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับใช้ทำเครื่องครัวและภาชนะใส่อาหาร สายไฟฟ้าแรงสูง แผ่นสะท้อนแสง เป็นต้น
Series 2xxx: อลูมิเนียมเจือทองแดง (Aluminium-Copper Alloys) 

มีความแข็งแรงสูง โดยทองแดงยังช่วยให้การไหลของโลหะดีขึ้น นิยมใช้กับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น กระทะล้อ ล้อแม็ก หัวลูกสูบ กระบอกสูบ เป็นต้น
Series 3xxx: อลูมิเนียมเจือแมงกานีส (Aluminium-Manganese Alloys)

มีความแข็งแรงค่อนข้างดี ต้านทานการกัดกร่อนได้ดี มีความยืดหยุ่น จึงสามารถดัดโค้งได้ นิยมนำมาทำกระป๋อง ฝาเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องทำความเย็น เป็นต้น
Series 4xxx: อลูมิเนียมเจือซิลิกอน (Aluminium-Silicon Alloys)

ซิลิกอนช่วยให้โลหะผสมนี้มีน้ำหนักเบา เพิ่มคุณสมบัติของการไหลตัวขณะขึ้นรูปได้ดี ไม่แตกหักง่าย และยังต้านทานการสึกกร่อนได้ดี เหมาะที่จะขึ้นรูปงานที่มีความซับซ้อน เช่น งานด้านสถาปัตยกรรม ห้องเครื่องและก้านสูบของเครื่องยนต์ เป็นต้น
Series 5xxx: อลูมิเนียมเจือแมกนีเซียม (Aluminium-Magnesium Alloys) 

มีความแข็งแรงสูง ช่วยให้แผ่นอลูมิเนียมมีความกรอบ ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี โดยเฉพาะ น้ำทะเล จึงนิยมใช้ทำอุปกรณ์สำหรับเรือเดินทะเล และฝากระป๋อง เป็นต้น
Series 6xxx: อลูมิเนียมเจือแมกนีเซียมและซิลิกอน (Aluminium-Magnesium-Silicon Alloys)

มีคุณสมบัติที่ง่ายต่อการกลึง ไส ขัดแต่ง นิยมใช้ในงานสถาปัตยกรรม ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ กรอบประตูหน้าต่าง ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
Series 7xxx: อลูมิเนียมเจือสังกะสี (Aluminium-Zinc Alloys) 

มีความแข็งแรงสูงมาก น้ำหนักเบา ทนแรงดันได้สูง ต้องขึ้นรูปโดยใช้ความร้อน ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน และชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
Series 8xxx: อลูมิเนียมเจือลิเธียม (Aluminium-Lithium Alloys) 

มีส่วนผสมของลิเธียมซึ่งเป็นธาตุที่มีความหนาแน่นน้อยที่สุด ทำให้โลหะอลูมิเนียมผสมชนิดนี้มีน้ำหนักเบา มักใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศเป็นหลัก เนื่องจากช่วยลดน้ำหนักได้มาก เช่น ชิ้นส่วนอวกาศ เครื่องบินรบ เป็นต้น
Series 9xxx: ยังไม่มีการใช้งาน

ตัวเลขตัวแรก 1-9 จะเป็นตัวเลขที่แสดงถึงซีรีส์ของอลูมิเนียมผสมทั้ง 9 ซีรีส์ และในแต่ละซีรีส์จะมีตัวเลขหลักที่สองถึงหลักที่สี่แตกต่างกันไปอีกตามปริมาณส่วนผสมที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น

กระป๋องอลูมิเนียมใช้อลูมิเนียมในซีรีส์ที่ 3 (อลูมิเนียมเจือแมงกานีส) ที่มีคุณสมบัติด้านความแข็งแรงค่อนข้างดี แต่ไม่ถึงกับสูงมาก แต่มีความยืดหยุ่นและความเหนียวสูง ซึ่งช่วยให้การขึ้นรูปกระป๋องทำได้ง่าย โดยจัดเป็น Aluminium Alloy 3104 

ในขณะที่ฝากระป๋องที่หลายคนอาจจะเข้าใจว่าคงใช้อลูมิเนียมชนิดเดียวกันกับตัวกระป๋อง แต่ที่จริงแล้วกลับใช้อลูมิเนียมในซีรีส์ที่ 5 (อลูมิเนียมเจือแมกนีเซียม) ที่มีความแข็งแรงและความกรอบเปราะมากกว่า รวมถึงทนต่อการกัดกร่อนได้ดี เพื่อให้ตัวฝาคงตัวและสามารถเปิดบริโภคได้ง่าย โดยจัดเป็น Aluminium Alloy 5182
 
ถึงแม้อลูมิเนียมจะถูกแยกย่อยออกได้ถึง 9 ซีรีส์ ตามส่วนผสมที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วก็สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้เหมือนกันทุก Aluminium Alloy ไม่ใช่เพียงแค่กระป๋องอลูมิเนียมเท่านั้นที่สามารถรีไซเคิลได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรรีไซเคิลอลูมิเนียมชนิดต่างๆ ให้กลับไปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดิม เพื่อลดความจำเป็นในการเพิ่มสารตั้งต้นเข้าไป
รู้อย่างนี้แล้วหากใครมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือวัสดุงานก่อสร้างต่างๆ ไม่ใช้แล้วที่ทำจากอลูมิเนียม รวมถึงกระป๋องอลูมิเนียมบรรจุเครื่องดื่มที่บริโภคหมดแล้ว ก็สามารถนำไปขายที่ร้านขายของเก่าเพื่อให้อลูมิเนียมเหล่านี้กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้นะคะ นอกจากจะรักษ์โลกแล้ว ยังขายได้ราคาดีอีกด้วย

Recap เจาะลึกเรื่องของอลูมิเนียม และ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม

รู้จักกับ "อลูมิเนียม" วัสดุที่นิยมใช้รอบตัวเรา
อลูมิเนียม (Aluminium) เป็นโลหะที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา และสามารถทนความร้อนได้สูง จึงเป็นแร่ธาตุที่สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย ทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน รวมถึงใช้ในงานโครงสร้างบ้าน จริง ๆ แล้วอลูมิเนียมเป็นแร่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรามากกว่าที่คิด SOOK จะชวนทุกคนไปรู้จักกับแร่ชนิดนี้ให้มากขึ้นว่าใช้ทำอะไรได้บ้าง และเกรดอลูมิเนียมแต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

อลูมิเนียมคืออะไร

อลูมิเนียม เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ได้มาจากแร่ออกไซด์ (oxides) ซึ่งเป็นแร่ที่มีสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ๆ ที่มีการอัดตัวแน่น โดยมีจุดหลอมละลายอยู่ที่ 600 องศาเซียลเซียส เมื่อนำมาหลอมก็จะได้เป็นอลูมิเนียมบริสุทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นโลหะที่พบได้มากที่สุดในแหล่งธรรมชาติทั่วไป เช่น ในดิน แหล่งน้ำ และเหมืองแร่ ด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังสามารถดัด และขึ้นรูปได้ง่าย จึงนิยมนำมาใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม 

คุณสมบัติของอลูมิเนียม
อลูมิเนียมเป็นธาตุที่มีคุณสมบัติเด่นคือความแข็งแรง ทนทาน ที่สำคัญยังมีน้ำหนักเบา และมีความหนาแน่นน้อย ทำให้เหมาะกับการใช้งานในโครงสร้างบ้าน เช่น ประตูอลูมิเนียม หน้าต่างกระจกอลูมิเนียม และราวกั้น นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดเด่นของแร่ธาตุชนิดนี้คือความทนทานต่อความร้อนได้สูง ทนต่อการกัดกร่อน ไม่ก่อให้เกิดสนิมได้ง่าย อีกทั้งยังมีความเหนียว ไม่แตกหักและเกิดรอยร้าว จึงนิยมนำมาขึ้นรูป เพื่อผลิตของใช้ต่าง ๆ ทั้งของใช้ภายในครัวเรือน อย่าง หม้อ กระทะ ถังน้ำแข็ง หรือจานร้อน รวมถึงใช้สำหรับการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมด้วย

ประเภทของอลูมิเนียม

อลูมิเนียมเป็นแร่ธาตุที่นำไปใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งอลูมิเนียมแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน สำหรับการแบ่งประเภทของอลูมิเนียมสามารถแบ่งได้ทั้งจากการผลิต และเกรดอลูมิเนียม ดังนี้

แบ่งประเภทตามการผลิต
หากแบ่งอลูมิเนียมตามประเภทของการผลิตนั้นจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ อลูมิเนียมบริสุทธิ์และอลูมิเนียมผสม ซึ่งผลิตมาจากแร่ออกไซด์ ซึ่งเป็นแร่ที่มีลักษณะเป็นก้อนสีน้ำตาลแดงแข็งๆ ที่อัดตัวกันจนแน่น การที่จะได้มาจะต้องมีการถลุงแร่ออกไซด์ เพื่อให้ได้อลูมิเนียมบริสุทธิ์ ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงถึง 99% อาจจะมีแร่ธาตุอื่นผสมเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่มีความเหนียวสูง สามารถขึ้นรูปได้หลากหลาย ส่วนอลูมิเนียมผสม เป็นการหลอมรวมกับแร่ธาตุอื่นๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่มีความคงทนมากขึ้น ซึ่งแร่ที่ใช้หลอมผสมมีด้วยกันหลายชนิด เช่น สังกะสี แมกนีเซียม ทองแดง และนิกเกิล เป็นต้น 

แบ่งประเภทตามเกรด
เกรดอลูมิเนียมที่ถูกแบ่งในปัจจุบันถูกกำหนดขึ้นจากสมาคมอลูมิเนียมแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการแบ่งมาจากส่วนผสมที่ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งจะแทนด้วยตัวเลขทั้งหมด 4 หลัก ดังนี้

หลักที่ 1
หลักที่ 1 ในการแบ่งเกรดอลูมิเนียม เป็นการแสดงหมวดหมู่ของโลหะผสมในอลูมิเนียม ซึ่งในปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 8 กลุ่ม 

กลุ่ม 1XXX คืออลูมิเนียมที่มีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่า 99.00%
กลุ่ม 2XXX มีการผสมทองแดง (Copper)
กลุ่ม 3XXX ผสมแร่แมงกานีส (Manganese)
กลุ่ม 4XXX ผสมแร่ซิลิกอน (Silicon) พร้อมด้วยแร่อื่นๆ 
กลุ่ม 5XXX ผสมแมกนีเซียม (Magnesium)
กลุ่ม 6XXX ผสมแมกนีเซียม และซิลิกอน ในสัดส่วนแมกนีเซียม 6-12% ส่วนซิลิกอน 0.4-1.3% นอกจากนี้ยังอาจมีแร่อื่น ๆ อย่างทองแดง หรือโครเมียมด้วย เพื่อช่วยเสริมให้ได้คุณสมบัติตามที่ต้องการมากขึ้น
กลุ่ม 7XXX ผสมกับสังกะสี (Zinc) เป็นหลัก พร้อมด้วยผสมแร่อื่นๆ เล็กน้อย เพื่อให้มีความแข็งแรง
กลุ่ม 8XXX เป็นกลุ่มที่มีการผสมแร่อื่น ๆ หลายชนิดเช่น นิเกิล (Nickel) โครเมียม (Chromium) และตะกั่ว (Lead) เป็นต้น 
หลักที่ 2
หลักที่ 2 ที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่ง โดยจะใช้ตัวเลขในการบ่งบอกถึงอลูมิเนียมที่มีการผสมกับโลหะอื่นๆ โดยเลข 0 หมายถึงส่วนผสมโลหะเดิม และเลข 1-9 แสดงถึงโลหะที่ผสมเพิ่มเข้าไป

2024 ประกอบไปด้วย ทองแดง 4.5% แมกนีเซียม 1.5% ซิลิกอน 0.5% และโครเมียม 0.1%
2011 ประกอบไปด้วย ทองแดง 5.5% บิสมัท 0.4% และตะกั่ว 0.4%
หลักที่ 3
หลักที่ 3 เป็นหลักที่บ่งบอกถึงชนิดย่อยของโลหะชนิดเดียวกันที่ผสมเข้าไป โดยจะแสดงส่วนผสมที่แตกต่างกัน เช่น

3105 ประกอบไปด้วย ซิลิกอน 0.60% เหล็ก 0.70% ทองแดง 0.30% แมงกานีสตั้งแต่ 0.30-0.80% แมกนีเซียมตั้งแต่ 0.20-0.80% โครเมียม 0.20% สังกะสี 0.40% และไทเทเนียม 0.10%
หลักที่ 4
สำหรับหลักที่ 4 ก็เป็นหลักที่เหมือนหลักที่ 3 โดยบ่งบอกถึงชนิดย่อยของโลหะชนิดเดียวกันที่ผสมเข้าไป โดยจะแสดงส่วนผสมที่แตกต่างกัน

กระบวนการผลิตอลูมิเนียม
การผลิตเริ่มต้นจากการขุดหาแร่ออกไซด์ในเหมือง ซึ่งแร่ออกไซด์เป็นแร่ที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็งๆ ที่จะอัดตัวกันแน่น มีเฉดสีที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่สีเหลืองปนน้ำตาล น้ำตาลแดง ไปจนถึงสีขาว หลังจากที่ได้แร่ออกไซด์แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการถลุงแร่ และทำการหลอม เพื่อให้ได้อลูมิเนียมบริสุทธิ์ หลังจากนั้นก็จะนำแร่ไปแปรรูป เพื่อให้ได้เป็นชิ้นส่วน หรือรูปทรงในแบบที่ต้องการ นอกจากนี้ในกรณีที่ต้องการคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติม ยังสามารถผสมแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ ได้ด้วย เพื่อให้ได้คุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานที่สุด

อลูมิเนียมมีประโยชน์ต่องานประเภทไหนบ้าง

อลูมิเนียมเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ทนทาน จึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน อีกทั้งยังสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ไปดูกันว่านิยมใช้งานในรูปแบบใดบ้าง

อุตสาหกรรมการก่อสร้าง 

อลูมิเนียมเป็นแร่ธาตุที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อนได้อย่างดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบา จึงเหมาะกับการใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยนำไปใช้แทนไม้ หรือเหล็ก นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบาจึงนิยมนำไปใช้กับงานโครงสร้างอีกด้วย เช่น ใช้สำหรับการทำเสา คาน ประตู หน้าต่าง บันได ราวกั้น และใช้สำหรับการทำรั้วบ้าน เป็นต้น

Alutech ประตูบานเลื่อนอลูมิเนียม

ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพดีเกรด A ทำให้มีความเบา แข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม
ออกแบบให้มีการเปิด-ปิดด้วยประตูระบบ 4 รางเลื่อน
มาพร้อมกับระบบกันรางตก ทำให้ไ่ม่มีปัญหาเรื่องมุ้งลวดตกราง
โครงสร้างวงกบมีความแแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนาน


อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

นอกจากความแข็งแรงแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ทำปฎิกิริยากับสารเคมีได้ยาก ช่วยให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน ที่สำคัญยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เมื่อเทียบกับวัสดุชนิดอื่นๆ จึงนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์  หรือใช้ทำภาชนะบรรจุอาหาร เช่น กระป๋องใส่อาหารสำเร็จรูป กระทะ จานชาม หม้อ ตู้กับข้าว และกล่องใส่อาหาร เป็นต้น

ตู้กับข้าวอลูมิเนียม

ตู้กับข้าว ผลิตจากอลูมิเนียม ทำให้สินค้ามีความคงทน แข็งแรง สามารถใช้งานได้นาน
ออกแบบให้มีช่องระบายอากาศ ที่ไม่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ
บริเวณชั้นล่างมีตะแกรงสำหรับใช้ตาก คว่ำจานชาม และอุปกรณ์ครัวอื่นๆ จึงไม่ทำให้เกิดสนิมได้ง่าย
มีการออกแบบดีไซน์ที่ใช้งานง่าย อีกทั้งยังมีความสวยงามด้วย


อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

อีกหนึ่งประโยชน์ของอลูมิเนียมคือสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดี ทนต่อความร้อนได้สูง และน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม จึงถูกนำมาใช้ในการทำสายไฟ นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ในชิ้นส่วนวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วย

อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์

วงการอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ก็ได้มีการนำอลูมิเนียมมาใช้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หลายชนิด เช่น รถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการทนต่อแรงกด น้ำหนักเบา และที่สำคัญไม่เกิดสนิม ทำให้เหมาะกับยานยนต์ เพื่อให้ใช้งานได้ยาว โดยที่ไม่พังได้ง่ายนั่นเอง

อลูมิเนียมและสเตนเลสต่างกันอย่างไร

อลูมิเนียมและสเตนเลสเป็นโลหะที่ได้มาจากการถลุงแร่ต่างชนิดกัน โดยอลูมิเนียมนั้นเป็นแร่ธรรมชาติ ส่วนสเตนเลสเป็นเหล็กกล้าชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ ด้วย แม้แร่ทั้งสองชนิดจะมีความแข็งแรง และมีความทนทานเหมือนกัน แต่โลหะทั้งสองชนิดก็มีความแตกต่างในหลายๆ ด้าน ดังนี้

น้ำหนัก อลูมิเนียมนั้นมีน้ำหนักเบากว่าสเตนเลสถึง 3 เท่า
ความแข็งแรง แน่นอนว่าสเตนเลสนั้นทำมาจากเหล็กจึงมีความแข็งแรงทนทานมากกว่า 
การนำไฟฟ้า อลูมิเนียมสามารถนำไฟฟ้าได้ดี จึงมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ทนทานต่อการกัดกร่อน อลูมิเนียมและสเตนเลสนั้นมีคุณสมบัติในการทนต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยมทั้งคู่
สรุปบทความ
อลูมิเนียมเป็นโลหะที่ได้จากการถลุงแร่ออกไซด์ และทำการหลอม ทำให้ได้อลูมิเนียมบริสุทธิ์ ซึ่งมีคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้ไม่เป็นสนิมได้ง่าย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา และสามารถนำไฟฟ้าได้ดี จึงนิยมนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมหลากหลายอย่าง เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมขนส่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยก่อนจะนำไปใช้งาน จะต้องนำมาขึ้นรูปก่อน เพื่อใช้ในการผลิตวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทะ หม้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

----------------


Related Content
Copper Usage and Trend of it use and price
Copper's excellent electrical/thermal conductivity, corrosion resistance, and antimicrobial properties make it vital for electrical wiring, plumbing (pipes, fittings), and electronics; it's also crucial in construction (roofing, gutters), transportation (EVs, radiators), machinery (motors, pumps), and has uses in medicine (hospital surfaces), art, and agriculture (fungicides). Its role is growing with the energy transition (solar, wind, EV infrastructure). Key Applications by Industry Electrical & Electronics: Wires, cables, circuit boards, motors, transformers, switches, connectors (essential for data centers, AI, EVs). Construction: Plumbing (pipes), roofing, gutters, downspouts, architectural details, door handles (due to antimicrobial nature). Transportation: Vehicle wiring, motors, radiators, braking systems, marine hardware (anti-fouling). Industrial Machinery: Heat exchangers, pumps, valves, bearings, industrial piping. Medical: Hospital surfaces, doorknobs, equipment (reduces bacteria). Consumer Goods: Cookware, jewelry, musical instruments, tools, decorative items. Agriculture: Copper sulfate used as fungicide and algaecide. Why Copper is Used High Conductivity: Best for transferring electricity and heat efficiently. Corrosion Resistance: Resists weathering and soil corrosion, ideal for water/plumbing. Malleability & Ductility: Easy to shape and draw into wires. Antimicrobial: Kills microbes, reducing infection spread. Durability & Recyclability: Long-lasting and highly sustainable
21 Dec 2025
Aluminum For Packaging How it used and it application
Aluminum is ideal for beverages due to its light weight, strength for carbonation, and excellent barrier properties (blocking light/air) to keep drinks fresh, plus it's infinitely recyclable, requiring much less energy to recycle than to produce new, making it highly sustainable for packaging sodas, beers, juices, and more. Its high recycling rate and ability to form a perfect, airtight seal make it a superior choice for preserving flavor, extending shelf life, and reducing environmental impact. Key Benefits of Aluminum for Beverages: Preserves Freshness: Blocks 100% of light and oxygen, preventing contamination and spoilage, protecting flavor. Sustainable & Recyclable: Infinitely recyclable in a true closed-loop system, using 95% less energy to recycle than to make new aluminum, with high recycled content. Lightweight & Efficient: Easier and cheaper to transport, store, and display, reducing carbon footprints. Durable & Strong: Withstands the pressure of carbonated drinks and resists breakage during transport, unlike glass. Versatile: Used for soda, beer, hard seltzers, energy drinks, juices, and more. Cooling: Has a natural cooling effect, keeping drinks cool with minimal energy. How it Works: Manufacturing: Bauxite ore is refined into pure aluminum, then rolled into thin sheets, stamped into discs, and drawn into the can shape. Lining: An epoxy lacquer or polymer lining is sprayed inside to prevent the aluminum from corroding and imparting a metallic taste. Sealing: A double-seam process creates an airtight, hygienic seal for the lid, locking in freshness. Recycling: Cans can be melted and reformed into new cans in as little as 60 days, making aluminum a circular packaging material.
20 Dec 2025
ทิศทางการใช้ อลูมิเนียมในอนาคต (ปี2026) , ทิศทางราคาอลูมิเนียม และ สถานะการณ์ Carbon Footprint
ทิศทางในอนาคตของอลูมิเนียมไทยมุ่งเน้น ความยั่งยืน (Sustainability) และ เทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology) โดยจะเน้น อลูมิเนียมคาร์บอนต่ำ และ อลูมิเนียมรีไซเคิล เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนา การเคลือบผิวใหม่ๆ และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เช่น โครงการ Aluminium Loop เพื่อลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า และรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก. แนวโน้มสำคัญ: การเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV): รถ EV ต้องการใช้อลูมิเนียมเพิ่มขึ้นมากเพื่อลดน้ำหนัก ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มระยะทางวิ่ง. ความต้องการอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Aluminium): ตอบสนองมาตรการสิ่งแวดล้อมทั่วโลก (เช่น EU CBAM) โดยเฉพาะการใช้อลูมิเนียมรีไซเคิลสูง ซึ่งลดการปล่อยคาร์บอนได้มาก. เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy): โครงการอย่าง "Aluminium Loop" ขับเคลื่อนการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียมครบวงจร เพื่อลดขยะและสร้างมูลค่า. นวัตกรรมการเคลือบผิว (Coating Innovations): การเคลือบผิวแบบใหม่ๆ เพื่อเพิ่มฟังก์ชัน เช่น ป้องกันแบคทีเรีย (Anti-microbial) ทำความสะอาดง่าย (Easy-to-clean) สร้างผิวสัมผัสใหม่. การก่อสร้างแบบสำเร็จรูปและโมดูลาร์ (Modular Construction): ใช้อลูมิเนียมมากขึ้นในการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปนอกสถานที่ เพื่อความแม่นยำและลดของเสีย. การบูรณาการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy): ใช้อลูมิเนียมในโครงสร้างรองรับแผงโซลาร์เซลล์ และระบบพลังงานสะอาดอื่นๆ. ความท้าทาย: ต้นทุนพลังงาน & ห่วงโซ่อุปทาน: ความผันผวนของราคาพลังงานและความท้าทายในห่วงโซ่อุปทาน. การแข่งขัน: ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล ทำให้ไทยต้องพัฒนาต่อเนื่องเพื่อรักษาผู้นำ. โอกาส: ไทยมีศักยภาพด้านแรงงานฝีมือ และอุตสาหกรรมต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำที่ครบวงจร. การปรับตัวสู่การผลิตคาร์บอนต่ำสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำด้านอลูมิเนียมรีไซเคิล. สรุป: อลูมิเนียมไทยจะก้าวสู่ยุคใหม่ที่เน้น "เขียว" (Green) และ "ฉลาด" (Smart) โดยการรีไซเคิลและเทคโนโลยีจะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืน.
16 Dec 2025
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy and Cookies Policy
Compare product
0/4
Remove all
Compare
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy